ลิ้งค์เชื่อมต่อ

มาตรการควบคุมโควิดที่ผ่อนคลายช่วยให้ธุรกิจแต่งงานเติบโต 600 % ปีนี้


FILE - Mannequins in wedding gowns are seen in a window display on March 15, 2021, at a bridal store in Nogales, Ariz., that has been closed for nearly a year because of the pandemic.AP Photo/Suman Naishadham, File)
FILE - Mannequins in wedding gowns are seen in a window display on March 15, 2021, at a bridal store in Nogales, Ariz., that has been closed for nearly a year because of the pandemic.AP Photo/Suman Naishadham, File)
Post Covid Wedding Boom
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:19 0:00

การเร่งระดมฉีดวัคซีนกับมาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลายลงในสหรัฐฯ รวมทั้งโอกาสของการจะได้จัดกิจกรรม ”ครั้งเดียวในชีวิต” ตามความฝันของคู่รักหลายคู่ ทำให้ธุรกิจประเภทหนึ่งในอเมริกาขยายตัวขึ้นถึงราว 600 % ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้

โดยกิจกรรมตามประเพณีทางสังคมและบริการดังกล่าวซึ่งฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการกระจายวัคซีนในอเมริกาและจากอัตราการติดเชื้อรวมทั้งจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลดลงนี้คือธุรกิจเกี่ยวกับการแต่งงาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลในหลายรัฐหรือหลายพื้นที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมเกี่ยวกับการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก และเป็นผลให้การจองชุดแต่งงานของบางบริษัท เช่น Justin Alexander Group กลุ่มธุรกิจระดับโลกเกี่ยวกับการออกแบบและการตัดเย็บชุดเจ้าสาวเพิ่มขึ้นถึง 593% เฉพาะในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ และความต้องการสถานที่จัดงานรวมทั้งความต้องการ event planner

หลังจากที่โอกาสดังกล่าวถูกจำกัดและอัดอั้นมากกว่าหนึ่งปีก็เป็นผลให้ปฏิทินการจองของธุรกิจจัดงานแต่งงานหลายบริษัทเต็มเหยียดไปจนถึงช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 แล้วด้วยซ้ำ

ตามรายงานของสื่อ Wedding Report ธุรกิจจัดงานแต่งงานต้องเสียรายได้ถึงราว 4 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์จากโควิด-19 เพราะคู่สมรสตัดสินใจเลื่อนพิธีแต่งงานอย่างอลังการออกไปหรืออาจจะหาวิธีอื่นมาทดแทน เช่น จัดพิธีเล็กๆเฉพาะสำหรับสมาชิกในครอบครัว จัดพิธีสมรสผ่านทาง Zoom หรือเลือกเชิญแขกจำนวนน้อยคือไม่ถึง 30 คนแบบที่เรียกว่า microwedding แทน เป็นต้น

แต่บรรยากาศในขณะนี้ที่เปลี่ยนไปทำให้โอกาสของการจัดกิจกรรมแบบฝันเป็นจริงและ ”ครั้งเดียวในชีวิต” สำหรับคู่รักในอเมริกาบางคนสามารถเป็นไปได้อีกครั้งหนึ่ง โดยคุณ Maggie Lord ผู้บริหารของบริษัท David’s Bride บอกว่าคู่สมรสที่กลับมาปีนี้ส่วนใหญ่แล้วต้องการจัดงานให้ใหญ่ขึ้นและ 90% ต้องการสถานที่จัดงานในที่เปิดโล่งแบบ outdoor เพื่อไม่ต้องถูกจำกัดเรื่องจำนวนแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงาน

และแน่นอนว่าสำหรับคนอเมริกันซึ่งมีญาติพี่น้องอยู่ในต่างประเทศและอาจยังไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ด้วยตนเองนั้นสิ่งที่พิธีสมรสและงานเลี้ยงจะขาดไม่ได้ในตอนนี้ก็คือ lifestreaming นั่นเอง

อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะจัดพิธีสมรสตามความฝันนั้นย่อมมาพร้อมกับความจริงที่ต้องรอให้สถานที่ๆ ต้องการว่างลง ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงต้องรอจนถึงต้นปี 2566 รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย เพราะบริษัทที่ให้บริการจัดงานแต่งส่วนใหญ่ในอเมริกาเป็นธุรกิจขนาดย่อยที่ต้องจ้างพนักงานกลับมา ต้องหา event planner ฝีมือดีซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะออกจากธุรกิจเพื่อไปประกอบอาชีพอื่นแทน รวมทั้งจากการที่ต้นทุนเกี่ยวกับอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ และชุดเจ้าสาวล้วนแต่สูงขึ้นเนื่องจากมีไม่พอกับความต้องการของตลาดหลังจากที่ได้ซบเซาลงในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้นทีมงานจัดงานแต่งยังต้องสละเวลาและใช้แรงงานส่วนหนึ่งเพื่อปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของรัฐบาลในท้องถิ่น เช่นทำให้แน่ใจว่าแขกผู้จะไปร่วมงานมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนวันงาน เป็นต้น

แต่เมื่อโควิด-19 เริ่มส่งสัญญาณว่าจะถอยห่างไปเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมของหัวใจก็ก้าวเข้ามา และผู้ที่อยู่ในวงการบางคน เช่น คุณ Justin Warshaw ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และ CEO ของ Justin Alexander Group บริษัทผู้ออกแบบและผลิตชุดเจ้าสาวระดับโลกได้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามองในแง่หนึ่งแล้วโควิดได้ช่วยเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เพราะโควิด-19 ทำให้หลายคนมีโอกาสได้พบกันแม้จะเป็นทางออนไลน์

และเมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากผ่านพ้นไปความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นแบบอยู่ห่างๆ ก็ได้พัฒนางอกงามเป็นการหมั้นหมายและกลายเป็นพิธีแต่งงานในที่สุดนั่นเอง

XS
SM
MD
LG