กลุ่มผู้ใช้งานแอพพิลเคชั่น WeChat ในสหรัฐฯ ยื่นเรื่องฟ้องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสกัดการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหารที่จะมีผลห้ามการใช้งานแอพส่งข้อความสัญชาติจีนแห่งนี้
กลุ่มผู้ใช้งานที่นำโดยองค์กรไม่หวังผลกำไร U.S. WeChat Users Alliance หรือ พันธมิตรผู้ใช้งาน WeChat ในสหรัฐฯ ยื่นคำฟ้องนี้ต่อศาลที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันศุกร์ โดยระบุเหตุผลว่า ตนมีความจำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชั่นนี้ เพื่อการทำงาน เพื่อพิธีกรรมสักการะ และเพื่อติดต่อสื่อสารกับญาติในประเทศจีน พร้อมยืนยันว่า ทุกคนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ WeChat และ Tencent Holdings ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของแอพนี้
ข้อมูลในคำฟ้องนี้ระบุว่า ฝ่ายโจทก์ร้องขอให้ศาลรัฐบาลกลางสั่งห้ามคำสั่งฝ่ายบริหารที่ปธน.ทรัมป์ ลงนามไม่ให้มีผลบังคับใช้ ด้วยเหตุผลว่า เป็นการละเมิดเสรีภาพในการพูด เสรีภาพด้านศาสนา และสิทธิ์อื่นๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ
ไมเคิล เบียน หนึ่งในทนายโจทก์ เชื่อว่า บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 เปิดทางให้ชุมชนพลเมืองสหรัฐฯ เชื้อสายจีนมีสิทธิ์เข้าถึงแอพนี้ รวมถึงการใช้งานต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีเนื้อหาครอบคลุมแบบกว้างๆ สั่งห้ามการทำธุรกรรมต่างๆ กับบริษัทจีนเจ้าของ WeChat และ TikTok ด้วยเหตุผลด้านภัยคุกคามต่อความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายนนี้ หรือ 45 วันหลังที่มีการลงนาม
รายงานข่าวระบุว่า WeChat มีผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านคน แต่ถือว่ายังเป็นที่รู้จักน้อยกว่า TikTok ในสหรัฐฯ โดยบริษัทวิจัย Sensor Tower ประเมินว่า มีผู้ใช้งานแอพนี้ในสหรัฐฯ อยู่ราว 19 ล้านคน และเป็นแอพสำคัญในหมู่นักศึกษาชาวจีนและผู้มีเชื้อสายจีนที่อยู่ในสหรัฐฯ เพื่อใช้ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว รวมทั้งสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจในประเทศจีนด้วย
กลุ่มเฝ้าระวังระบบอินเตอร์เน็ตที่ชื่อ Citizen Lab ในนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา กล่าวว่า ผู้ดูแลแอพ WeChat จับตาดูไฟล์และรูปที่มีการส่งมายังผู้ใช้จีนจากผู้ใช้งานในต่างประเทศ เพื่อช่วยในกระบวนการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนด้วย
ถึงแม้กระนั้น กลุ่ม U.S. WeChat Users Alliance แย้งว่า การไม่สามารถเข้าถึงแอพนี้ได้จะเป็นอันตรายต่อประชาชนนับล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่งต้องพึ่งพาแอพนี้ ซึ่งเป็นหนทางเดียวในการใช้งานติดต่อสื่อสารของผู้ที่พูดภาษาจีน