เป็นเวลานานกว่าสิบปีมาแล้ว ที่ธนาคารใหญ่ๆใน Wall St. ได้จ้างลูกหลานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลจีนเอาไว้ เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์และเปิดประตูสู่การทำสัญญาทางธุรกิจในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
การที่ธนาคารใหญ่ๆในสหรัฐจ้างลูกหลานของผู้นำระดับสูงของจีนไว้ทำงานนั้น ไม่ใช่เรื่องที่รู้กันทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ความลับ โดยที่ผ่านมาหลานชายของอดีตปธน.เจียง เจ๋อ หมิน เคยทำงานอยู่กับ Goldman Sachs บุตรสาวของอดีตนายกฯ เหวิน เจียเป่า ก็เคยทำงานกับ Credit Suisse และบุตรเขยของนายหวู ปังเกา อดีตคณะกรรมการ Politburo ของจีน ก็เคยช่วยให้ Merrill Lynch ทำสัญญามูลค่า 22,000 ล้านดอลล่าร์กับบริษัทของรัฐบาลจีนมาแล้ว
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขณะนี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐหรือ SEC กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า การจ้างลูกหลานของผู้มีอำนาจของจีนไว้ทำงานเพื่อหลังประโยชน์ทางธุรกิจในลักษณะดังกล่าวนั้น เป็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการคอรัปชั่นหรือไม่
เมื่อวันอาทิตย์ นสพ. NY Times ได้เปิดเผยว่า SEC กำลังสอบสวนธนาคาร JP Morgan Chase ที่ได้จ้างนายตั้ง เสี่ยวหนิง บุตรชายของนายตั้ง ช่วงหนิง อดีตเจ้าหน้าที่ควบคุมการธนาคารของจีน ซึ่งเวลานี้ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร China Everbright Group รัฐวิสาหกิจทางการเงินของจีน รวมทั้งจ้างบุตรสาวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของการรถไฟของจีน China Railway Group ไว้อีกคนหนึ่ง ซึ่งต่อมา JPMorgan Chaseได้รับสัญญาว่าจ้างจาก China Everbright Group ให้ทำงานในหลายโครงการ และได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับแผนของ China Railway Group ที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นบริษัทมหาชนด้วย
อย่างไรก็ตาม คนในวงการธนาคารและแวดวงกฏหมายหลายคนให้สัมภาษณ์กับ NY Times ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันทั่วไป และธนาคารใหญ่ต่างแข่งขันกันที่จะจ้างลูกหลานของผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในต่างประเทศที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอยู่แล้ว ธนาคารไหนที่ไม่มีลูกจ้างพิเศษกลุ่มนี้ก็จะเสียเปรียบคู่แข่ง เพราะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบุคคลวงในของประเทศอื่นได้ดีเท่าคู่แข่ง
ว่ากันว่าผู้บริหารธนาคารต่างๆ เห็นว่าการกระทำลักษณะนี้มีความเสี่ยงน้อยที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อต้านการคอรัปชั่นของสหรัฐ ซึ่งมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เข้มงวดกับบริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจกับบริษัทต่างชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า โอกาสถูกฟ้องเพราะจ้างลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในต่างประเทศนั้นมีน้อย และหากถูกฟ้องจริงก็มีโอกาสรอดคดีสูง นอกเสียจากว่าจะมีหลักฐานพิสูจน์ได้จริงๆว่า พนักงานผู้นั้นมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนหรือไม่สามารถทำงานได้เลย นอกจากนี้การที่ผู้ตรวจสอบของรัฐบาลสหรัฐจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า คนๆเดียวสามารถทำให้ธนาคารหรือบริษัทอเมริกันได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลกับรัฐบาลต่างชาติได้นั้น เป็นเรื่องยากในแง่กฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับความจริงที่ว่าธุรกิจธนาคารเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยสายสัมพันธ์ส่วนบุคคล จึงไม่น่าแปลกใจที่ NY Times จะเรียกบรรดาลูกหลานของผู้นำระดับสูงทางการเมืองที่ทำงานกับธนาคารใหญ่ๆแถว Wall St. ว่า “เจ้าชายน้อย” หรือ “เจ้าหญิงน้อย”
รายงานจาก NY Times / เรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
การที่ธนาคารใหญ่ๆในสหรัฐจ้างลูกหลานของผู้นำระดับสูงของจีนไว้ทำงานนั้น ไม่ใช่เรื่องที่รู้กันทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ความลับ โดยที่ผ่านมาหลานชายของอดีตปธน.เจียง เจ๋อ หมิน เคยทำงานอยู่กับ Goldman Sachs บุตรสาวของอดีตนายกฯ เหวิน เจียเป่า ก็เคยทำงานกับ Credit Suisse และบุตรเขยของนายหวู ปังเกา อดีตคณะกรรมการ Politburo ของจีน ก็เคยช่วยให้ Merrill Lynch ทำสัญญามูลค่า 22,000 ล้านดอลล่าร์กับบริษัทของรัฐบาลจีนมาแล้ว
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขณะนี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐหรือ SEC กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า การจ้างลูกหลานของผู้มีอำนาจของจีนไว้ทำงานเพื่อหลังประโยชน์ทางธุรกิจในลักษณะดังกล่าวนั้น เป็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการคอรัปชั่นหรือไม่
เมื่อวันอาทิตย์ นสพ. NY Times ได้เปิดเผยว่า SEC กำลังสอบสวนธนาคาร JP Morgan Chase ที่ได้จ้างนายตั้ง เสี่ยวหนิง บุตรชายของนายตั้ง ช่วงหนิง อดีตเจ้าหน้าที่ควบคุมการธนาคารของจีน ซึ่งเวลานี้ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร China Everbright Group รัฐวิสาหกิจทางการเงินของจีน รวมทั้งจ้างบุตรสาวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของการรถไฟของจีน China Railway Group ไว้อีกคนหนึ่ง ซึ่งต่อมา JPMorgan Chaseได้รับสัญญาว่าจ้างจาก China Everbright Group ให้ทำงานในหลายโครงการ และได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับแผนของ China Railway Group ที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นบริษัทมหาชนด้วย
อย่างไรก็ตาม คนในวงการธนาคารและแวดวงกฏหมายหลายคนให้สัมภาษณ์กับ NY Times ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันทั่วไป และธนาคารใหญ่ต่างแข่งขันกันที่จะจ้างลูกหลานของผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในต่างประเทศที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอยู่แล้ว ธนาคารไหนที่ไม่มีลูกจ้างพิเศษกลุ่มนี้ก็จะเสียเปรียบคู่แข่ง เพราะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบุคคลวงในของประเทศอื่นได้ดีเท่าคู่แข่ง
ว่ากันว่าผู้บริหารธนาคารต่างๆ เห็นว่าการกระทำลักษณะนี้มีความเสี่ยงน้อยที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อต้านการคอรัปชั่นของสหรัฐ ซึ่งมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เข้มงวดกับบริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจกับบริษัทต่างชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า โอกาสถูกฟ้องเพราะจ้างลูกหลานผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในต่างประเทศนั้นมีน้อย และหากถูกฟ้องจริงก็มีโอกาสรอดคดีสูง นอกเสียจากว่าจะมีหลักฐานพิสูจน์ได้จริงๆว่า พนักงานผู้นั้นมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนหรือไม่สามารถทำงานได้เลย นอกจากนี้การที่ผู้ตรวจสอบของรัฐบาลสหรัฐจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า คนๆเดียวสามารถทำให้ธนาคารหรือบริษัทอเมริกันได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลกับรัฐบาลต่างชาติได้นั้น เป็นเรื่องยากในแง่กฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับความจริงที่ว่าธุรกิจธนาคารเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยสายสัมพันธ์ส่วนบุคคล จึงไม่น่าแปลกใจที่ NY Times จะเรียกบรรดาลูกหลานของผู้นำระดับสูงทางการเมืองที่ทำงานกับธนาคารใหญ่ๆแถว Wall St. ว่า “เจ้าชายน้อย” หรือ “เจ้าหญิงน้อย”
รายงานจาก NY Times / เรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
