นูนูริ (Noonoouri) อินฟลูเอนเซอร์วัยรุ่นในโลกเสมือนจริง เป็นศิลปินเอไอรายแรกที่ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Warner Music ซึ่งปล่อยซิงเกิลแรกของเธอออกมาเมื่อเดือนกันยายน โดยเสียงของเธอนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
นูนูริ ศิลปินเอไอหน้าใหม่ กล่าวว่า เธอรู้สึกซาบซึ้งใจกับความรักที่ทุก ๆ คนมีต่อเพลงและมิวสิกวิดีโอแรกของเธอในเพลงที่มีชื่อว่า “Dominoes”
นอกจากนี้ นูนูริยังได้ร่วมงานกับแฟชั่นแบรนด์ดังอย่าง ดิออร์ เวอร์ซาเช และมาร์ค เจคอบ และตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานเพลงด้วยระบบเอไอต่อไปอยู่
บรรดาผู้ทรงอิทธิพลในโลกเสมือนจริงนั้นมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่เป็นมนุษย์ตรงที่ อินฟลูเอนเซอร์เลือดใหม่นี้ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ไม่บ่น หรือไม่ต้องคอยดูแลรูปร่างของตัวเอง และยังเป็นฝ่ายที่ “ถูกควบคุม” ได้มากกว่ามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดนักการตลาดอย่างมาก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ forbes.com ระบุว่า นูนูริมีผู้ติดตามทางอินสตาแกรม (Instagram) 2.7 ล้านคน ส่วน ลิล มิเคลา (Lil Miquela) เป็นหนึ่งในผู้มีรายได้มากที่สุดในบรรดาอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง โดยสามารถหาเงินได้ราวปีละ 11 ล้านดอลลาร์ และเธอเองก็ได้ร่วมงานกับแบรนด์และนางแบบระดับไฮเอนด์ เช่นเดียวกับนูนูริ นอกจากนี้ เธอยังได้ยังปรากฏตัวในแคมเปญของคาลวิน ไคลน์ และได้จูบกับนางแบบชั้นนำเบลลา ฮาดิด (Bella Hadid) อีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจจุดหนึ่งคือ แม้แต่ในกรณีของอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง เรื่องการเอาประเด็นเรื่องที่เกี่ยวกับเพศ มาขาย ดังคำพูดที่ว่า sex sells ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนเคยแสดงความกังวลออกมาก่อนหน้า กลับเป็นทางเลือกของผู้ทรงอิทธิพลสายเอไอเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น กรณีของนูนูรี ซึ่งเป็นสาววัยรุ่นนั้นก็มีทีมงานหนุ่ม ๆ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยนวัตกรรมนี้เป็นผลงานของเยิร์ก ซูเบอร์ (Joerg Zuber) นักออกแบบกราฟฟิคดีไซน์ชาวเยอรมัน ที่ใช้การผสมเสียงของหญิงสาวสองคนเข้าด้วยกันออกมาเป็นเสียงของเธอ และประเด็นทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฮอลลี เฮิร์นดอน นักดนตรีซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเอไอกล่าวว่า เป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
เฮิร์นดอนกล่าวว่า หนทางจากนี้ “อาจจะจบลงด้วยการใช้ทีมนักเขียนเพลงที่เป็นผู้ชายชายทั้งหมด ในการสร้างสรรค์ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบแบบนี้ขึ้นมา”
เธอกล่าวด้วยว่า ขณะที่ ศิลปินนั้นอาจรู้สึกว่าตนมีอิสระที่จะสร้างอวตารซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากตัวเองได้ แต่ทุกคนก็ควรจะต้องพูดคุยกันให้มากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า อวตารที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นถูกตีกรอบให้อยู่ในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีค่าเพียงความฉาบฉวยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การสร้างสรรค์นวัตกรรมเอไอที่ยังคงมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ นี้ทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า จากนี้ เราจะได้เห็นอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงออกมาสร้างอิทธิพลให้ผู้คนบนโลกกันมากขึ้นอย่างแน่นอน
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น