ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิเคราะห์ชี้ เวียดนามปิดปากผู้เห็นต่าง ช่วงปธน.สีเยือนฮานอย


แฟ้มภาพ - เด็ก ๆ โบกธงชาติเวียดนาม ระหว่างพิธีต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่กรุงฮานอย 12 ธ.ค. 2023
แฟ้มภาพ - เด็ก ๆ โบกธงชาติเวียดนาม ระหว่างพิธีต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่กรุงฮานอย 12 ธ.ค. 2023

การประท้วงต่อต้านจีนเป็นรากฐานสำคัญของการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเวียดนาม ทว่าในการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เมื่อวันที่ 12-13 ธันวาคมที่ผ่านมา กลับไม่มีการเคลื่อนไหวดังกล่าวมากนัก เนื่องจากการจับกุมคุมขังผู้วิจารณ์และนักเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าสิ่งนี้ได้ทำให้บรรยากาศแห่งความหวาดกลัวในการแสดงความเห็นเกิดขึ้นในหมู่ผู้ที่ยังรอดพ้นจากการควบคุมของทางการเวียดนามอยู่

ระหว่างการเยือนกรุงฮานอยของปธน.สี เวียดนามเห็นชอบที่จะเข้าร่วม “ชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน” อ้างอิงจากสื่อซินหัวของจีน ซึ่งเป็นการยกระดับจาก “ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) ที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งลงนามความร่วมมือ 36 ฉบับมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งด้านความมั่นคงและการพัฒนาระบบรางและโทรคมนาคม

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้เผยกับวีโอเอถึงความกังวลที่รัฐบาลฮานอยจะกระชับสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลปักกิ่ง และการรุกรานของจีนในน่านน้ำเวียดนาม

เชิน อันห์ กวน (Tran Anh Quan) นักเคลื่อนไหวด้านสังคม ที่ประจำอยู่ที่นครโฮจิมินห์ กล่าวกับวีโอเอว่า “ก่อนหน้านี้ การเยือนเวียดนามของปธน.สีในแต่ละครั้ง จะต้องเจอกับแรงต้านจากประชาชน ในปี 2015 ชาวเวียดนามนับร้อยลงถนนประท้วงการเยือนของปธน.สี” และว่า “เกือบทุกคนที่มาประท้วงต่อต้านสี จิ้นผิงและเส้นลิ้นวัวต่างถูกจับกุมหมด” ทรานกล่าวถึง “เส้นลิ้นวัว” ซึ่งเป็นคำแสลงของเวียดนามในการเรียกเส้นประ 9 จุดที่ใช้เรียกพื้นที่ที่จีนอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้

ข้อมูลขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเวียดนาม The 88 Project ที่มีสำนักงานในชิคาโก ระบุว่า ตอนนี้มีนักเคลื่อนไหวราว 178 คนที่ถูกจับกุมคุมขังในเวียดนาม โดยหนึ่งในนั้นคือ แฟม โดอัน ชาง (Pham Doan Trang) หนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่มีอิทธิพลที่สุดของเวียดนาม ถูกตัดสินจำคุก 9 ปีเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ฐานเผยแพร่ “โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาล”

ซูซาน แฟม (Susann Pham) อาจารย์ด้านสังคมวิทยาการเมือง แห่ง Bilkent University และผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของเวียดนาม อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับวีโอเอว่า “มีผู้เห็นต่างเพียงหยิบมือที่ยังไม่ได้เข้าคุกไป ... ทุก ๆ วันพวกเขาถูกก่อกวน พวกเขาถูกจับตาอยู่”

การปิดกั้นการประท้วง

กวน เสริมว่า แม้ว่าแกนนำนักเคลื่อนไหวจะถูกจองจำ ทางการเวียดนามยังคงมีมาตรการปิดกั้นการแสดงความเห็นของประชาชนในที่สาธารณะ และมีมาตรการลงโทษที่รุนแรงต่อผู้วิจารณ์รัฐบาล ในช่วงไม่กี่วันก่อนการเยือนเวียดนามของปธน.สี เพื่อขัดขวางผู้เห็นต่างทางการเมือง

เขาได้ชี้ให้เห็นถึงกรณีของ ฟาน ทิ งาห์ (Phan Thi Nha) และ เหวียน ฮวง นาม (Nguyen Hoang Nam) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าแลกเปลี่ยนข้อมูลออนไลน์ที่วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม งาห์ ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี เมื่อ 12 ธันวาคม และนาม ต้องโทษจำคุก 8 ปี เมื่อ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา

นักเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังถูกห้ามไม่ให้ออกจากเคหะสถาน และตำรวจได้ลาดตระเวนพื้นที่พบปะของผู้คนในที่สาธารณะในช่วงเวลาดังกล่าว “เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนออกมาประท้วงต่อต้านสี จิ้นผิง หน่วยความมั่นคงเวียดนามยังไปเฝ้าบ้านของผู้เห็นต่างและสถานที่ที่มีการประท้วงบ่อยครั้ง อย่างที่สวนดอกไม้ หลี ไท โตะ (Ly Thai To flower garden) ในกรุงฮานอยและมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งไซง่อน”

Vietnam's Prime Minister Pham Minh Chinh, center right, talks to China's President Xi Jinping, center left, after their meeting at the Government Office in Hanoi, Dec. 13, 2023.
Vietnam's Prime Minister Pham Minh Chinh, center right, talks to China's President Xi Jinping, center left, after their meeting at the Government Office in Hanoi, Dec. 13, 2023.

เวียดนามขึ้นชื่อในการไปตามเฝ้าบ้านผู้ประท้วงอยู่แล้ว และกวน บอกว่า “เป็นกลยุทธ์ปกติในการปิดกั้นหรือเฝ้าติดตามถึงบ้านนักเคลื่อนไหวในช่วงไม่กี่วันก่อนผู้นำจีนจะมา เพื่อเป็นการข่มขู่”

เหวียน ง็อบ นูห์ กวินห์ (Nguyen Ngoc Nhu Quynh), นักเคลื่อนไหวเวียดนามที่รู้จักในนามปากกาว่า เม นาม (Me Nam) หรือแม่เห็ด เผชิญกับเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ในการเยือนของผู้นำจีนเมื่อปี 2015 เธอต้องการจะออกจากบ้านที่เมือง งาห์ ชาง (Nha Trang) ไปยังนครโฮจิมินห์ เพื่อไปประท้วง แต่หนึ่งคืนก่อนการประท้วง เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบุกมาที่บ้านของเธอและปักหลักอยู่ที่นั่นจนถึงอีกวันต่อมา

กวินห์ เล่าให้วีโอเอฟังจากรัฐเท็กซัส ที่เธอได้รับสิทธิ์มาพำนักในอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยตั้งแต่ปี 2018 ว่า “พวกเขาแค่มาที่บ้านฉันและบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์จะออกจากบ้าน”

ความขุ่นข้องหมองใจ

เหวียน คัก ซาง (Nguyen Khac Giang) นักวิชาการจากศูนย์เอเชียอาคเนย์ศึกษา สถาบันยูซุฟ อีชัค (ISEAS Yusof Ishak Institute) ในสิงคโปร์ ให้ทัศนะกับวีโอเอว่า เมื่อ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา จีนและเวียดนามเห็นชอบที่จะยกระดับความร่วมมือ และรัฐบาลเวียดนามได้เข้าร่วม “ชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน” ซึ่งจีนมีระดับความสัมพันธ์ในลักษณะนี้กับชาติอื่น ๆ แต่ได้เปลี่ยนจากคำว่า “พรหมลิขิตร่วมกัน” สำหรับเวียดนาม

ซาง มองว่า "การเปลี่ยนจาก ‘พรหมลิขิตร่วมกัน’ มาเป็น ‘อนาคตร่วมกัน’ เพื่อลดความอ่อนไหวสำหรับชาวเวียดนามที่ยังคลางแคลงใจเกี่ยวกับบทบาทของจีนต่อเวียดนาม"

แต่บางคนกลับไม่มั่นใจกับการปรับเปลี่ยนโวหารดังกล่าวเท่าใดนัก

กวินห์ กล่าวว่า "พวกเขา(จีน)รู้ว่า(การใช้)คำว่า ‘พรหมลิขิตร่วมกัน’ จะทำให้ชาวเวียดนามรู้สึกหดหู่ใจจึงพยายามจะบิดคำออกไปเท่านั้น"

สำหรับกวนแล้ว ความก้าวร้าวของจีนบริเวณน่านน้ำเวียดนามเป็นประเด็นที่น่ากังวลอันดับต้น ๆ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดินแดนเวียดนามแผ่ขยายไป 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งเวียดนาม แต่การมีอยู่ของเรือจีน การคุกคามชาวประมง และการลาดตระเวนในพื้นที่ที่มีทรัพยากรน้ำมันในทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ได้รับการบันทึกข้อมูลไว้อย่างดี

กวน มองว่า "การกระทำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจีนไม่ได้(ต้องการที่จะ)สร้างความร่วมมือกับเวียดนามอย่างจริงใจ แต่แค่ต้องการรุกรานและยึดครองประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น”

ด้านซาง เสริมว่า รัฐบาลฮานอยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการเซนเซอร์ออนไลน์ ไม่กี่วันก่อนการเยือนของผู้นำจีน “ผมคิดว่าประเด็นนี้ได้รับการจัดการอย่างหนักบนโลกออนไลน์”

เรย์ พาวเวลล์ ผู้อำนวยการสถาบัน Gordian Knot Center แห่ง Stanford University ซึ่งติดตามสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ชี้ว่า ท่าทีอันไม่ชอบมาพากลของเรือวิจัยจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมดูเหมือนเป็นการร่างตัวอักษร “จง” ที่หมายถึงประเทศจีนในภาษาจีนกลาง “การสำรวจยังลงไปยังเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนาม และเริ่มเดินเรือในทิศทางแปลกประหลาด ซึ่งเป็นลักษณะของตัวอักษรจีนที่หมายถึงจีนในเขตพื้นที่ของเวียดนาม” และภาพถ่ายดาวเทียมก็ยืนยันเส้นทางในลักษณะดังกล่าวด้วย

ถัง เหวียน (Thang Nguyen) ที่อพยพออกจากเวียดนามเมื่อปี 1978 ในฐานะผู้ลี้ภัย และได้กลายเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม กล่าวกับวีโอเอว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างเวียดนามและจีนนั้น เป็นสิ่งที่ยากเกินจะยอมรับสำหรับหลายคน โดยบอกว่า "การรุกล้ำดินแดนเวียดนาม … เรายังจำสิ่งเหล่านั้นได้และเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นอยู่ ดังนั้นเราจึงไม่ไว้วางใจความจริงใจของจีนในความสัมพันธ์กับเวียดนาม” และว่า “พวกเขา(จีน)พยายามจะยึดเอาพื้นที่และดินแดนและเข้ามามีอิทธิพลกับเวียดนาม”

ชาวเวียดนามผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ได้บอกกับวีโอเอว่า กระแสต่อต้านจีนเป็นเรื่องปกติในเวียดนาม “เมื่อฉันบอกคนเวียดนามว่ากำลังเรียนภาษาจีน ไม่กี่คนที่บอกว่าทำไมต้องเรียนด้วย ฉันเกลียดพวกเขาจะตายไป” และว่า “คนเวียดนามส่วนใหญ่ยังเกลียดจีนจากประวัติศาสตร์ที่มีมาในอดีต”

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG