เมื่อปลายเดือนที่เเล้วสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเสนอข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีนและเวียดนามหลังการพบกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ โดยระบุว่า ฝ่ายเวียดนามไม่ต้องการให้มีตัวเเปรอื่นเข้ามาเเทรกเเซงความความสัมพันธ์กับจีน
นักวิเคราะห์มองว่าท่าทีดังกล่าวของเวียดนามเป็นสิ่งที่จีนต้องการเห็น เพื่อนำไปสู่การบรรเทาความขัดเเย้งเรื่องทะเลจีนใต้ที่ทั้งคู่อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน
รายงานชิ้นนี้ของซินหัวเมื่อวันที่ 26 เมษายน อ้างคำพูดของประธานาธิบดีเวียดนาม เหงียน ซวน ฟุกที่กล่าวว่าเวียดนามจะไม่เดินตามประเทศอื่นๆในการต่อต้านจีน
ในวันเดียวกันนั้นประธานาธิบดีเวียดนาม ได้พบกับรัฐมนตรีกลาโหมจีน เว่ย เฟ็งเหอ ที่เดินทางมาเยือน
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีทั้งความร่วมมือเเละความขัดเเย้ง
ด้านหนึ่งมีกรณีพิพาทระหว่างกันในเรื่องดินเเดนในทะเลจีนใต้ ที่เวียดนามมีโครงการสำรวจเเหล่งพลังงาน และจีนยังคงส่งเรือมาสังเกตการณ์ จนทำให้เกิดการปะทะคารมกันอย่างต่อเนื่อง
แต่อีกด้านหนึ่ง จีนคือประเทศอันดับต้นๆที่ส่งวัตถุดิบมาสู่ภาคการผลิตของเวียดนาม และยังเป็นตลาดส่งออกอันดับสองของเวียดนามอีกด้วย
เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดเเย้งระหว่างกันผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ของทั้งสองประเทศจะพยายามหารือกันอย่างลับๆเพื่อหาทางออก
อาจารย์สวีเฟน นากี้ ผู้สอนวิชาการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่ง มหาวิทยาลัย International Christian University ที่กรุงโตเกียวกล่าวว่า ในเวลานี้ เวียดนามต้องการรักษาสายสัมพันธ์ทางการเมืองเเละเศรษฐกิจกับจีน
ในเรื่องการทหาร สหรัฐฯเป็นตัวเเปรสำคัญในความสัมพันธ์ของจีนเเละเวียดนาม
ในช่วง ค.ศ. 2019-2020 สหรัฐฯรวมถึงญี่ปุ่นและพันธมิตรอื่นๆที่เป็นประเทศตะวันตกส่งเรืองมาสิบครั้งในน่านนำ้ทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ประเทศเหล่านี้ต้องการคานอำนาจจีนในภูมิภาค
นักวิเคราะห์ หวาง เว่ยฉี กล่าวว่าเวียดนามเเละจีนจะยังคงมีความสัมพันธ์เชิงเเข่งขัน และเชิงร่วมมือ ผสมผสานกันไป ตราบใดที่ทั้งคู่ยังหาข้อยุติเรื่องความขัดเเย้งทางดินเเดนไม่ได้และตราบใดที่สหรัฐฯยังคงเเสดงบทบาทในภูมิภาคนี้