นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชี้ว่าหากเวียดนามจะพัฒนาตนเองด้านไอทีให้ก้าวหน้า ทางการเวียดนามจะต้องแก้ปัญหาการขาดความมั่นคงปลอดภัยด้านอินเตอร์เน็ตเสียก่อนเนื่องจากซอฟแวร์ที่ใช้ในประเทศส่วนใหญ่เป็นของปลอมและผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในเวียดนามเจอกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์กับมัลเเวร์อื่นๆ
ภาคเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและทางการเวียดนามมีความหวังสูงว่าอนาคตของอุตสาหกรรมไอทีเวียดนามจะไปได้สวย โดยวางแผนพัฒนาตนเองให้เป็นศูนย์กลางบริการด้านเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารหรือ IT Outsourcing ภายในสิบปีข้างหน้า
แต่การหาทางมีส่วนเเบ่งทางการตลาดในภาคอุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสาร บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าทางการเวียดนามต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อรับมือกับปัญหาด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบอินเตอร์เน็ตของตน
อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของอุตสหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศในเวียดนามคือมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ใช้ในการรบกวนการทำงานและสร้างความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้จารกรรมข้อมูลหรือแอบเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
คุณไมเคิล มัดด์ ประธานคณะกรรมการข้อมูลสารสนเทศ ทรัพย์สินทางปัญญาและการสื่อสารทางไกล แห่งหอการค้าอเมริกัน กล่าวว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในห้าประเทศอันดับต้นๆที่เป็นแหล่งที่มาของมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์
เขากล่าวว่าเวียดนามประสบกับปัญหาการแพร่กระจายของมัลเเวร์ในระบบคอมพิวเตอร์เนื่องจากขาดความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหานี้เป็นหลัก
คุณมัดด์กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าในหลายๆประเทศที่พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมานานกว่า คนรู้จักโปรแกรมต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ เขากล่าวว่าในสำนักงานต่างๆทั่วเวียดนาม คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักไม่มีโปรแกรมต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ ยกเว้นเครื่องคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆเท่านั้น
การใช้โปรแกรมซอฟแวร์ปลอมเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของมัลเเวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ในเวียดนาม
บริษัท Business Software Alliance ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ ชี้ว่าราว 81 เปอร์เซ็นท์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเวียดนามใช้โปรแกรมวอฟแวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสอาจจะกลายเป็นเครื่องมือในการส่งไวรัสต่อไปเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
แพม ฮวง เหมียน เจ้าของร่วมหน้าเวปไซท์ Hanoi Grapevine ที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับงานต่างๆ เมื่อเร็วๆนี้ หน้าเวปไซท์ปิดทำการไปหนึ่งวันเนื่องจากตกเป็นเป้าการจารกรรมข้อมูลส่วนตัวทางคอมพิวเตอร์หลังจากมีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสจำนวนมากพยายามล็อกอินเข้าไปในหน้าเว็ปไซท์พร้อมๆกัน จากบันทึกที่ได้พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ถูกใช้ในการจารกรรมนี้อยู่ในเวียดนาม
คุณเหมียนกล่าวว่าบรรดาลูกค้าต่างโทรศัทพ์ไปที่บริษัทและเขียนอีเมลล์เพื่อสอบถามว่าเมื่อไหร่หน้าเวปไซท์จะเริ่มใช้งานได้ บางคนเขียนเข้าไปสอบถามว่าจะมีงานอีเว้นท์อะไรบ้างในฮานอยเพราะกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ฮานอยแต่ไม่สามารถหาข้อมูลได้ทางหน้าเวปไซท์
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหามัลเเวร์ระบาดอาจจะใหญ่ถึงระดับชาติได้เนื่องจากมัลเเวร์สามารถสร้างความเสียหายแก่ระบบสาธารณูปโภคระดับชาติได้
อย่างไรก็ตาม คุณมัดด์แห่งหอการค้าอเมริกันกล่าวว่าเพื่อจัดการกับปัญหานี้ เวียดนามไม่จำเป็นต้องมีบัณทิตด้านวิชาการต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่จำเป็นต้องมีการว่าจ้างพนักงานที่มีความรู้ด้านไอทีและสามารถดูแลระบบคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมและสามารถกำจัดมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้ทันที
เขากล่าวว่าเวียดนามต้องเริ่มให้การศึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศเสียตั้งเเต่ในระดับโรงเรียน เพื่อให้คนเข้าใจถึงความสำคัญของการงทุนด้านการต้านไวรัสคอมพิวเตอร์และการใช้โปรแกรมซอฟแวร์ที่ถูกกฏหมาย หากเวียดนามต้องการสร้างความฝันของตนให้เป็นจริง
ภาคเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและทางการเวียดนามมีความหวังสูงว่าอนาคตของอุตสาหกรรมไอทีเวียดนามจะไปได้สวย โดยวางแผนพัฒนาตนเองให้เป็นศูนย์กลางบริการด้านเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารหรือ IT Outsourcing ภายในสิบปีข้างหน้า
แต่การหาทางมีส่วนเเบ่งทางการตลาดในภาคอุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสาร บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าทางการเวียดนามต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อรับมือกับปัญหาด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบอินเตอร์เน็ตของตน
อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของอุตสหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศในเวียดนามคือมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ใช้ในการรบกวนการทำงานและสร้างความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้จารกรรมข้อมูลหรือแอบเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
คุณไมเคิล มัดด์ ประธานคณะกรรมการข้อมูลสารสนเทศ ทรัพย์สินทางปัญญาและการสื่อสารทางไกล แห่งหอการค้าอเมริกัน กล่าวว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในห้าประเทศอันดับต้นๆที่เป็นแหล่งที่มาของมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์
เขากล่าวว่าเวียดนามประสบกับปัญหาการแพร่กระจายของมัลเเวร์ในระบบคอมพิวเตอร์เนื่องจากขาดความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหานี้เป็นหลัก
คุณมัดด์กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าในหลายๆประเทศที่พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมานานกว่า คนรู้จักโปรแกรมต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ เขากล่าวว่าในสำนักงานต่างๆทั่วเวียดนาม คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักไม่มีโปรแกรมต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ ยกเว้นเครื่องคอมพิวเตอร์ใหญ่ๆเท่านั้น
การใช้โปรแกรมซอฟแวร์ปลอมเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของมัลเเวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ในเวียดนาม
บริษัท Business Software Alliance ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ ชี้ว่าราว 81 เปอร์เซ็นท์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเวียดนามใช้โปรแกรมวอฟแวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสอาจจะกลายเป็นเครื่องมือในการส่งไวรัสต่อไปเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
แพม ฮวง เหมียน เจ้าของร่วมหน้าเวปไซท์ Hanoi Grapevine ที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับงานต่างๆ เมื่อเร็วๆนี้ หน้าเวปไซท์ปิดทำการไปหนึ่งวันเนื่องจากตกเป็นเป้าการจารกรรมข้อมูลส่วนตัวทางคอมพิวเตอร์หลังจากมีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสจำนวนมากพยายามล็อกอินเข้าไปในหน้าเว็ปไซท์พร้อมๆกัน จากบันทึกที่ได้พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ถูกใช้ในการจารกรรมนี้อยู่ในเวียดนาม
คุณเหมียนกล่าวว่าบรรดาลูกค้าต่างโทรศัทพ์ไปที่บริษัทและเขียนอีเมลล์เพื่อสอบถามว่าเมื่อไหร่หน้าเวปไซท์จะเริ่มใช้งานได้ บางคนเขียนเข้าไปสอบถามว่าจะมีงานอีเว้นท์อะไรบ้างในฮานอยเพราะกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ฮานอยแต่ไม่สามารถหาข้อมูลได้ทางหน้าเวปไซท์
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหามัลเเวร์ระบาดอาจจะใหญ่ถึงระดับชาติได้เนื่องจากมัลเเวร์สามารถสร้างความเสียหายแก่ระบบสาธารณูปโภคระดับชาติได้
อย่างไรก็ตาม คุณมัดด์แห่งหอการค้าอเมริกันกล่าวว่าเพื่อจัดการกับปัญหานี้ เวียดนามไม่จำเป็นต้องมีบัณทิตด้านวิชาการต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่จำเป็นต้องมีการว่าจ้างพนักงานที่มีความรู้ด้านไอทีและสามารถดูแลระบบคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมและสามารถกำจัดมัลเเวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้ทันที
เขากล่าวว่าเวียดนามต้องเริ่มให้การศึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศเสียตั้งเเต่ในระดับโรงเรียน เพื่อให้คนเข้าใจถึงความสำคัญของการงทุนด้านการต้านไวรัสคอมพิวเตอร์และการใช้โปรแกรมซอฟแวร์ที่ถูกกฏหมาย หากเวียดนามต้องการสร้างความฝันของตนให้เป็นจริง
