สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ฮวน กวัยโด สามารถเดินทางเข้าไปในรัฐสภาสำเร็จในวันอังคาร หลังใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงในการโต้เถียงกับกองกำลังความมั่นคงของ ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ที่ขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมการเลือกตั้งประธานสภาฯ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นายกวัยโด เดินทางมาเพื่อเป็นประธานสมัยประชุมรัฐสภาในเช้าวันอังคาร หลังมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาชนะการลงมติจากสมาชิกสภาฯ จำนวน 100 คน เพื่อขึ้นเป็นประธานสภาฯ สมัยที่ 2 ในการประชุมนอกสถานที่ ซึ่งจัดขึ้นเนื่องจากถูกหน่วยงานความมั่นคงดังกล่าวขัดขวางไม่ให้เดินทางเข้ารัฐสภาในวันอาทิตย์
อย่างไรก็ตามรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวที่ระบุว่า สมัยประชุมที่นายกวัยโด ตั้งใจจะเข้าร่วมนั้น จบลงไปแล้ว ภายใต้การนำของ นายลูอิส ปาร์รา สมาชิกสภาฯ ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งสาบานต้นเข้ารับตำแหน่งประธานสภาฯ ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเช่นกัน หลังอ้างว่าได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาฯ เป็นจำนวน 81 เสียง จากทั้งหมด 167 เสียง
หลังเดินทางเข้าไปในรัฐสภาสำเร็จ นายกวัยโด เดินขึ้นไปประจำตำแหน่งประธาน ก่อนจะร้องนำเพลงชาติของเวเนซุเอล่า แต่ในเวลาต่อมาไฟภายในอาคารดับลง และการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ต้องยุติการถ่ายถอดไป
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้น แม้สหรัฐอเมริกาจะแสดงจุดยืนสนับสนุน นายกวัยโด
การเข้าดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาของนายปาร์รา ก็ชี้ให้เห็นว่า ประธานาธิบดีมาดูโร สามารถกระจายอำนาจเข้ายึดครองสภาสูงได้สำเร็จ ถือเป็นความปราชัยของสหรัฐฯ ที่พยายามกดดันให้ นายมาดูโร ออกจากตำแหน่งด้วย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายเอเลียต อับรามส์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ประจำเวเนซุเอล่า กล่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนจะดำเนินแผนลงโทษครั้งใหม่ ต่อเวเนซุเอล่า แต่ ชัยชนะเชิงอำนาจล่าสุดของประธานาธิบดีมาดูโร แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เกรงกลัวสหรัฐฯสักเท่าไหร่
นายกวัยโดบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือการขโมยอำนาจโดยใช้กลไกของรัฐสภา ซึ่งนายปาร์ราปฏิเสธ และยืนยันว่า สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือการยุติการเผชิญหน้า ระหว่างรัฐสภาและรัฐบาลของนายมาดูโร และเพื่อช่วยไม่ให้รัฐสภาล่มสลาย