ข้อตกลงการค้าแถบอเมริกาเหนือฉบับใหม่ ที่ชื่อว่า USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) ระหว่างประเทศสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น แต่ทิศทางของความร่วมมือทางการค้าระหว่างสมาชิกทั้งสามกลับยังดูไม่แน่นอน ขณะที่ข้อขัดแย้งหลายรายการยังไม่ได้รับการสะสาง
ข้อตกลง USMCA ที่วุฒิสภาสหรัฐฯ เห็นชอบ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองไปตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ผู้นำสหรัฐฯ ผลักดันตามนโยบายหาเสียง และประกาศว่าจะมาแทนที่สิ่งที่เขาเรียกว่า “ฝันร้าย” ของข้อตกลง NAFTA ฉบับเก่าที่อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน เป็นผู้ริเริ่ม
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า แม้ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้แล้ว รัฐบาลทั้งสามยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีระหว่างกันได้หลายข้อ อาทิ การที่รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ อาจเก็บภาษีนำเข้าอลูมิเนียมจากแคนาดา ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR กำลังพิจารณาจะดำเนินการ หลังผู้ผลิตในประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลกลับลำเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะส่งผลเสียให้กับทั้งสองประเทศและทำให้ต้นทุนวัตถุดิบในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นด้วย
นอกจากนั้น แคนาดายังมีประเด็นคาใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ใหม่ของเม็กซิโกที่อาจส่งผลต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ขณะที่กลุ่มนักล็อบบี้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สในสหรัฐฯ ร้องเรียนว่า รัฐบาลเม็กซิโกทำการปกป้องบริษัทน้ำมันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งละเมิดข้อตกลงการค้าที่ทำกันไว้
ขณะเดียวกัน เม็กซิโกยังมีปัญหาไม่สามารถทำตามเงื่อนไขในข้อตกลงล่าสุด ที่จะออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานในประเทศ รวมทั้งการที่ทางการเม็กซิจับกุมทนายด้านแรงงานชื่อดังเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสหภาพแรงงานในสหรัฐฯ ระบุว่าทำให้แรงงานในเม็กซิโกไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองเท่าที่ควรด้วย
ตัวอย่างปัญหาทั้งหมดนี้ ยังกดดันการเดินหน้าความร่วมมือระหว่างสมาชิกทั้งสาม ขณะที่ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 นั้นทำให้เศรษฐกิจของทุกประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยหนัก และทำให้การค้ารายเดือนระหว่างทั้งหมดหดตัวถึงระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้แล้ว+98
แมรี เลิฟลี ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ให้ความเห็นว่า ข้อตกลงการค้าล่าสุดนี้อาจจะนำไปสู่ข้อพิพาทและอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันในไม่ช้านี้แล้ว