กองพลพลร่มที่ 101 ของกองทัพบกสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในกำลังพลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องในความกล้าหาญจากผลงานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และทุกครั้งที่กองทัพสหรัฐฯมีภารกิจในทุกสนามรบ หน่วยทหารแห่งนี้ก็จะมีส่วนร่วมอยู่เสมอ มาตั้งแต่ปฏิบัติการพายุทะเลทรายในสงครามอิรัก และมาถึงสถานการณ์ตึงเครียดของสหรัฐฯกับอิหร่านในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวของ' วีโอเอ' ลงพื้นที่ในค่าย Fort Campbellหนึ่งในค่ายทหารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯที่ตั้งของ กองพลพลร่มที่ 101 (Airborne) เพื่อพูดคุยกับการเตรียมตัวของผู้คนในชุมชนแห่งนี้ในยามที่ต้องเผชิญกับคำสั่งที่อาจจะต้องออกไปสู่สนามรบอีกครั้ง
เมือง Fort Campbell เมืองเล็กๆในเขตชนบท ทางตอนใต้ของรัฐเคนทักกี้ (Kentucky) ติดกับรัฐเทนเนสซี (Tennessee) ทางตอนกลางของสหรัฐฯ ถือเป็นชุมชนทหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นบ้านของกองพลพลร่มที่ 101 หน่วยรบชื่อดังในตำนานของกองทัพบกสหรัฐฯที่หลายคนรู้จักมายาวนานตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และมักจะเป็นหน่วยทหารชื่อแรกๆที่จะถูกเลือกให้ส่งไปปฏิบัติการในยามสงคราม
ฌอน เอแบร์ (Sean Hebert) ทหารช่าง สังกัดหน่วยปฏิบัติการยุทโธปกรณ์หนัก ในฟอร์ต แคมพ์เบล บอกว่า ทหารกองทัพบกสหรัฐฯทุกนายต่างเตรียมพร้อม และผ่านการฝึกมาอย่างหนัก เช่นเดียวกับตัวเขาเอง ที่มาประจำการในค่ายแห่งนี้เพื่อพร้อมกับทุกสถานการณ์ และพร้อมออกเดินทางที่เมื่อได้รับคำสั่ง
แม้จะเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่ต้องกลับไปบอกคนในครอบครัว
ฌอน บอกว่า เขามีลูกสาวตัวน้อยที่ยังเดียงสาเกินกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากจะรับรู้เพียงว่า คุณพ่อของเธอจะไม่อยู่เช่นเดียวกับภรรยาของเขาที่คอยสอบถามข่าวคราว การส่งตัวออกปฏิบัติหน้าที่ ที่แม้แต่ทหารทุกนายก็ยังไม่รู้ล่วงหน้า จนกว่าจะมีคำสั่งออกมา
ดูเหมือนว่าคนที่บ้านของทหารหลายๆนาย จะมีความรู้สึกแทบจะไม่แตกต่างกัน เพราะทุกครั้งที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการเตรียมส่งกำลังออกปฏิบัติการ ความรู้สึกแบบนี้ก็จะเกิดขึ้น
ทิฟฟานี บี (Tiffany B.)แม่บ้านทหาร และคุณแม่ลูกสอง แสดงความเป็นห่วงลูกๆของเธอ ว่าอาจจะยังไม่เข้าใจว่าการที่กองทัพส่งทหารออกไปปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละครั้งนั้น อาจส่งผลกระทบหลายอย่างคาดไม่ถึงซึ่งอาจหมายถึงการไปโดยที่อาจไม่ได้กลับมาเธอบอกว่า ทหารหลายนายออกไปรบแล้วก็ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้กลับมาไม่ได้ หลายคน หรือ ทั้งหมดหลายพันคนก็อาจไม่ได้กลับบ้าน
ความรู้สึกแบบนี้ ถามใคร คงไม่ได้คำตอบที่ดีไปกว่า ผู้ที่ผ่านความรู้สึกนั้นมาแล้ว
เทด วู้ด (Ted Wood) อดีตทหารผ่านศึก วัยเกษียณที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพอากาศสหรัฐฯ บอกว่า ทหารผ่านศึกเกือบทุกนายที่เขารู้จัก ต่างเหนื่อยหน่ายกับสงครามเต็มทีแล้ว
จริงๆแล้วไม่ใช่งานของสหรัฐอเมริกาเลย ที่ต้องทำตัวเป็นตำรวจ ไปทั่วทุกแห่งในโลก เพราะเป็นงานที่ไม่มีวันยุติ..ผู้คนต่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสงครามเต็มทีแล้ว..Ted Wood อดีตทหารผ่านศึก กองทัพอากาศสหรัฐฯ
อดีตทหารอากาศวัยเกษียณ ในเมือง ฮอปกินสวิลล์ (Hopkinsville) รัฐเคนทักกี ไม่ไกลจากค่าย Fort Campbellบอกว่า ผู้คนที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จริงๆแล้วไม่ใช่งานของสหรัฐอเมริกาเลย ที่ต้องทำตัวเป็นตำรวจ ไปทั่วทุกแห่งในโลก เพราะเป็นงานที่ไม่มีวันยุติ และไม่มีเงินภาษีมากพอที่จะต้องไปใช้จ่ายกับเรื่องแบบนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อย รวมทั้งอดีตทหารหาญผ่านศึกทั้งหลาย ต่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสงครามเต็มทีแล้ว
เช่นเดียวกับ จอห์น เบรม (John Brame) หหารผ่านศึกผู้ผ่านความโหดร้ายในสงครามเวียดนามมาแล้ว และปัจจุบันเป็น ผู้บังคับการ องค์การทหารผ่านศึกในสงครามต่างประเทศ สาขาที่เมืองฮอปกินสวิลล์ บอกว่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการคืออยากจะเห็นคนทั้งโลกมีความสุข
นอกจากอยากเห็นความสุขเกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว อดีตทหารผ่านศึก จากเวียดนาม คนนี้ ย้ำว่า การมีความสุขไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมือเราทุกคนต่างมีชีวิตอยุ่ในโลกนี้ได้อย่างมากก็ราวๆ 80 ปีเท่านั้น ดังนั้นเหตุผลเดียวก็คือ ขอให้มีชีวิตและมีความสุขกับชีวิต ก็แค่นั้นเอง