ลิ้งค์เชื่อมต่อ

คลังสหรัฐฯ เล็งปฏิรูปตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-หวังช่วยหนุนธุรกิจรายย่อยและผู้บริโภค


USA-TREASURY/ALCOHOL
USA-TREASURY/ALCOHOL

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการต่างๆ ในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดถึงปีละ 250,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมเปิดตัวแผนปฏิรูปอุตสาหกรรมนี้ที่เชื่อว่า จะช่วยส่งเสริมการแข่งขันและประหยัดเงินผู้บริโภคได้ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์ด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

เอกสารจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ที่มีความหนาถึง 63 หน้าและได้รับการเผยแพร่ออกมาในวันพุธแสดงให้เห็นถึง แผนงานตรวจสอบการควบรวมกิจการที่ละเอียดขึ้น รวมทั้ง อัตราภาษีใหม่ และการยกเลิกกฎเกณฑ์บางอย่างให้สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ในตลาดไวน์ เบียร์ และสุรา ซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะทำให้ธุรกิจนี้มีความเป็นธรรมสำหรับผู้ผลิตรายใหม่มากขึ้น รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีราคาถูกลงสำหรับผู้บริโภคด้วย

รายงานข่าวระบุว่า รายงานแผนปฏิรูปตลาดแอลกอฮอล์ฉบับล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้วและเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันภาคธุรกิจ โดยรายงานที่มุ่งเน้นไปที่ตลาดเบียร์เป็นหลักฉบับนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในการต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่า การควบรวมและซื้อกิจการที่มากเกินไปในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ

BEVERAGES-BEER/CRAFT
BEVERAGES-BEER/CRAFT

นอกจากนั้น หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมามากมาย กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้แนะนำให้กระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ (FTC) ปรับปรุงกฎกำกับดูแลของตนให้เข้มข้นขึ้น และมีการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ ให้จริงจังกว่าเดิม รวมทั้ง ออกกฎใหม่ๆ ออกมาด้วย

ทั้งนี้ ตลาดเบียร์ ไวน์ และสุราของสหรัฐฯ นั้นมีผู้ผลิตใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายพันรายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่กฎเกณฑ์เก่าแก่ทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศชุดหนึ่งซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 ผนวกกับ “พฤติกรรมกีดกัน” ของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ส่งผลให้ ผู้ผลิตหน้าใหม่ที่มีขนาดย่อมไม่สามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดได้

รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบัน ผู้ผลิตเบียร์ 2 รายซึ่งประกอบธุรกิจทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก อันได้แก่ บริษัท Anheuser Busch InBev เจ้าของเบียร์หลายแบรนด์ ซึ่งรวมถึง Budweiser และ Bud Light ต่างๆ และบริษัท Molson Coors เจ้าของแบรนด์มากมาย อาทิ Coors และ Miller ถือครองสัดส่วนตลาดเบียร์ในสหรัฐฯ ถึง 65% ไปเรียบร้อยแล้ว

รายงานของกระทรวงการคลังที่อ้างผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า กฎหมายที่มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “post and hold” ซึ่งมีอำนาจควบคุมการแข่งขันด้านราคา ยังทำให้ผู้บริโภคต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงกว่าที่ควรถึงปีละ 487 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังทำให้ต้นทุนไวน์ต่อขวดเพิ่มขึ้นถึง 18% ขณะที่ต้นทุนสุราต่อขวดพุ่งขึ้นกว่า 30% ด้วย

  • ที่มา: รอยเตอร์

XS
SM
MD
LG