หน่วยงานด้านความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานที่ประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 7% เป็น 9,560 คน มากที่สุดในรอบ 20 ปี
สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
โดยเมื่อปีที่แล้วทั้งปี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอเมริกา 42,915 คน เพิ่มขึ้น 10.5% จากปีก่อนหน้า และมากที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ว่า "วิกฤต"
ข้อมูลจาก NHTSA เมื่อปีที่แล้วชี้ด้วยว่า คนเดินถนนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 7,342 คน เพิ่มขึ้น 13% มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 ขณะที่ผู้ขี่จักรยานเสียชีวิต 985 คน เพิ่มขึ้น 5% มากที่สุดตั้งแต่ปี 1980
รายงานของ NHTSA บ่งชี้ว่า ในช่วงระหว่างและหลังการล็อกดาวน์เพราะการระบาดใหญ่ ผู้ขับขี่รถยนต์มีแนวโน้มที่จะเกิดพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากมีรถยนต์บนท้องถนนน้อยลง และตำรวจให้ใบสั่งน้อยลงซึ่งยิ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้ถนนมีพฤติกรรมเสี่ยงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อัตราผู้ที่ไม่สวมเข็มขัดนิรภัยในช่วงระหว่างการระบาดใหญ่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ผู้บริหารของ NHTSA กล่าวว่า "ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการเพิ่มความปลอดภัยของการขับขี่ในรัฐต่าง ๆ "
ทางด้านองค์กรรณรงค์เมาไม่ขับ Mothers Against Drunk Driving (MADD) ระบุว่า รัฐบาลยังไม่มีแผนรับมือกับ "วิกฤตอันเร่งด่วนบนท้องถนน" พร้อมเรียกร้องให้ใช้วิธีทางกฎหมายในการจัดการกับผู้ที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงในการขับขี่รถยนต์ และเพิ่มการลงโทษผู้กระทำผิด
- ที่มา: รอยเตอร์