กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศในวันพุธ เพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อภาคธุรกิจและหน่วยงานที่สนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน โดยมีการปรับมาตรการลงโทษสำหรับนิติบุคคลราว 100 แห่ง และเพิ่มการลงโทษใหม่อีก 15 แห่ง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ภายใต้มาตรการลงโทษชุดใหม่ บริษัทใด ๆ ก็ตามที่ทำธุรกรรมอย่างมีนัยสำคัญกับอุตสาหกรรมด้านการทหารของรัสเซียจะเผชิญความเสี่ยงจากการลงโทษไปด้วย
บริษัทที่ถูกลงโทษเพิ่มอีก 15 แห่งนั้น รวมถึงบริษัทจากรัสเซีย, จีน และธนาคารในเคอร์จีสถาน ที่ถูกกล่าวหาว่าให้ความร่วมมือกับรัสเซียในการหลบเลี่ยงมาตรการลงโทษของสหรัฐฯ
รัฐบาลกรุงวอชิงตันและชาติพันธมิตรประกาศมาตรการลงโทษต่อรัสเซียจากการรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022 โดยมุ่งเป้าตัดช่องทางหารายได้ของรัฐบาลกรุงมอสโก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมด้านพลังงาน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มมาตรการลงโทษต่อภาคพลังงานของรัสเซียเช่นกัน
ขณะเดียวกัน มีแรงสนับสนุนมากขึ้นในยุโรปให้ยึดทรัพย์สินมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ของบรรดามหาเศรษฐีรัสเซียที่ถูกอายัดไว้หลังรัสเซียบุกรุกยูเครน ท่ามกลางข่าวลือว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจพยายามผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนทันทีที่เข้ารับตำแหน่งสัปดาห์หน้า
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 สหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น และหลายชาติในสหภาพยุโรป ได้อายัดทรัพย์สินมูลค่าราว 300,000 ล้านดอลลาร์ของธนาคารกลางรัสเซีย โดยในจำนวนนี้มีทรัพย์สินราว 200,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกเก็บไว้ที่ยูโรเคลียร์ (Euroclear) ในกรุงบรัสเซลล์ และประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ถูกอายัดไว้ในอเมริกา
สื่อในสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันอังคารว่า ประธานาธิบดีไบเดนที่จะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม กำลังพยายามผลักดันครั้งสุดท้ายให้พันธมิตรในยุโรปยึดทรัพย์ของรัสเซียอย่างสมบูรณ์ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในอนาคต
แต่นักการเมืองยุโรปบางคนสนับสนุนให้มอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ยูเครนเพื่อใช้ซื้ออาวุธหรือฟื้นฟูประเทศ
ขณะที่รัสเซียประกาศว่า การยึดทรัพย์ใด ๆ ก็ตามถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายและเผชิญกับมาตรการตอบโต้จากรัฐบาลกรุงมอสโก
- ที่มา: วีโอเอ และเอพี