บริษัท Nippon Steel Corporation (NSC) ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กของญี่ปุ่น ควักเงิน 14,100 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อธุรกิจ United States Steel Corporation ที่เป็นบริษัทเก่าแก่ถึง 122 ปีและเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งในแวดวงเหล็กของสหรัฐฯ
บริษัทเหล็กชั้นนำของสหรัฐฯ แห่งนี้เปิดรับข้อเสนอซื้อกิจการของตนมาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะตัดสินใจรับข้อเสนอเป็นเงินสดจากญี่ปุ่น โดย เดวิด บี เบอร์ริตต์ ซีอีโอของบริษัท ระบุในแถลงการณ์ว่า “NSC มีประวัติการเข้าซื้อ ดำเนินกิจการ และทำการลงทุนในโรงงานผลิตเหล็กทั่วโลกในระดับที่เป็นที่ยอมรับไปทั่ว และเราก็มั่นใจว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะเป็นผลดีที่สุดต่อทุกฝ่าย”
ส่วน เออิจิ ฮาชิโมโตะ ประธานบริษัท NSC กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เราตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับทีมของ U.S. Steel เพื่อนำส่วนที่ดีที่สุดของบริษัทของเรามาผนวกกันและก้าวไปข้างหน้าในฐานะ “ผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุด ที่สมรรถนะในระดับชั้นนำของโลก”
การประกาศข่าวดีลดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ U.S. Steel พุ่งสูงทันที ในขณะที่ มูลค่าของหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นก็เพิ่มขึ้นถึงกว่า 25% ด้วย
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงซื้อกิจการนี้ NSC จะไม่แตะต้องสัญญาและข้อตกลงต่าง ๆ ที่บริษัทเหล็กสัญชาติอเมริกันแห่งนี้ทำไว้กับสหภาพแรงงานของตน รวมทั้งจะไม่เปลี่ยนชื่อบริษัท และจะคงที่ทำการใหญ่ของธุรกิจไว้ที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ต่อไปด้วย
ถึงกระนั้น สหภาพแรงงาน United Steelwork หรือ USW ก็ยังมีท่าทีต่อต้านการตกลงซื้อขายกิจการนี้อยู่ดี โดยสมาชิกสหภาพแรงงานราว 11,000 คน ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะปิดกั้นแผนงานควบรวมกิจการดังกล่าวและร้องขอให้หน่วยงานกำกับดูแลกิจการปฏิเสธการดำเนินแผนงานนี้ด้วย
ในเวลานี้ การซื้อขายกิจการ United States Steel Corporation ยังไม่ถือว่าได้ข้อสรุปเสร็จสิ้นเสียทีเดียว เพราะนอกจากแรงกดดันต่อต้านจากสหภาพแรงงาน USW ที่มีอยู่ทั่วโลกถึง 1.2 ล้านคนแล้ว ข้อเสนอซื้อกิจการนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยคณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐฯ (Committee on Foreign Investment in the United States – CFIUS) ซึ่งจะใช้เวลา 45 วันในการทบทวนรายละเอียดข้อเสนอและอีก 45 วันเพื่อทำการสืบสวนด้วย
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น