กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปีค.ศ. 2022 ซึ่งโจมตีรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามและความโหดร้ายหลายรูปแบบในยูเครน นับตั้งแต่ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
รายงานประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า "มีรายงานที่เชื่อถือได้ว่ากองทัพรัสเซียได้ก่อเหตุสังหาร ทรมาน ข่มขืน โจมตีแบบไม่เลือก และโจมตีแบบมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนในยูเครน ซึ่งล้วนเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมสงคราม"
รายงานยังระบุถึงการบังคับให้ประชาชนในยูเครนโยกย้ายถิ่นฐานไปยังรัสเซียโดยไม่สมัครใจด้วย
รายงานชิ้นนี้เปิดเผยออกมาในวันจันทร์ หลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC เพิ่งออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และหัวหน้าสำนักงานสิทธิเด็กของรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม จากการมีส่วนร่วมในข้อกล่าวหาว่าลักพาตัวและโยกย้ายเด็ก ๆ ชาวยูเครนไปยังรัสเซีย
ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธหมายจับดังกล่าว และบอกปัดโอกาสที่ประธานาธิบดีปูตินจะถูกดำเนินคดี โดยรัสเซียนั้นมิได้เป็นสมาชิกของ ICC และไม่ยอมรับอำนาจทางกฎหมายของศาลแห่งนี้แต่อย่างใด
รายงานฉบับนี้ยังได้เน้นย้ำความกังวลต่อปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอิหร่าน จีน เมียนมา อัฟกานิสถาน ซูดานใต้ ซีเรีย และอีกหลายประเทศที่ปกครองระบอบเผด็จการ
การละเมิดสิทธิสตรีในอิหร่าน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวว่า รายงานประจำปี 2022 ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ "การปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลอิหร่าน และการปฏิเสธสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล รวมถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เช่น เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพทางศาสนา ของประชาชนอิหร่าน"
รายงานชี้ว่า การเสียชีวิตของ มาห์ซา อามีนี สตรีวัย 22 ปี ขณะถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านจับกุมคุมขังเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการแต่งกายไม่เหมาะสม ได้นำไปสู่การประท้วงอย่างสงบทั่วอิหร่าน ซึ่งทางการอิหร่านตอบโต้ด้วยการปราบปรามผู้ประท้วงโดยไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการสอบสวนการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเหล่านั้น
การก่ออาชญากรรมต่อชาวอุยกูร์
รัฐมนตรีบลิงเคนกล่าวว่า "การสังหารล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์" ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับบรรดาชาวมุสลิมอุยกูร์ รวมทั้งชนกลุ่มน้อยด้านชาติพันธุ์และศาสนาอื่น ๆ ในมณฑลซินเจียงของจีน
อาชญากรรมเหล่านี้รวมถึงการคุมขังโดยไม่มีความผิด และการจำกัดเสรีภาพทางร่างกายอย่างรุนแรงแบบอื่น ๆ ต่อพลเมืองกว่าหนึ่งล้านคน การบังคับให้ทำหมันและทำแท้ง การข่มขืนและการละเมิดทางเพศรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนการบังคับใช้แรงงาน การจำกัดเสรีภาพทางศาสนา เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการเดินทาง
การปราบปรามฝ่ายตรงข้ามในเมียนมา
รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมายังคงใช้ความรุนแรงต่อประชาชนเพื่อควบรวมอำนาจ สังหารประชาชนไปแล้วกว่า 2,900 คน และจับกุมคุมขังผู้เห็นต่างมากกว่า 17,000 คน นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021
รายงานฉบับนี้ระบุถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานใน 198 ประเทศและดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดทำรายงานประจำปีในด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องมานานกว่า 40 ปีแล้ว
- ที่มา: วีโอเอ