รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า จะไม่มีการหยุดยิงในสงครามยูเครน ถ้าไม่นั่นไม่ใช่เงื่อนไขส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพที่ “เป็นธรรมและถาวร” ซึ่งรวมความถึงการถอนกำลังของรัสเซียออกจากอาณาเขตของยูเครนด้วย
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศยืนยันจุดยืนดังกล่าวระหว่างเยือนฟินแลนด์ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ โดยมีการระบุด้วยว่า “การหยุดยิงที่เพียงแค่คงไว้ซึ่งเส้นแนว[การรบ] ดังที่เป็นอยู่” และเปิดทางให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เดินหน้ารวบรวมอาณาเขตที่กองทัพมอสโกยึดมา “ไม่ใช่สันติภาพที่เป็นธรรมและถาวร” ทั้งยังเป็นการส่งสารที่ผิด ๆ ไปยังมอสโกและ “ผู้ที่อาจทำการรุกรานผู้อื่นทั่วโลก” ด้วย
บลิงเคน กล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ จะช่วยส่งเสริมความพยายามสร้างสันติของประเทศอื่น ๆ ตราบเท่าที่ประเทศเหล่านั้นสนับสนุนและเคารพกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติและอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนและอิสรภาพของยูเครน
ในส่วนของสถานการณ์การสู้ที่ดำเนินมากว่าปีนั้น กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยผ่านแถลงการณ์ในวันศุกร์ว่า ระบบป้องกันทางอากาศยานของตนได้ยิงขีปนาวุธ 15 ลูกและโดรน 21 ลำที่รัสเซียส่งมาโจมตีกรุงเคียฟตกไปทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ยูเครนยังเปิดเผยด้วยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเศษซากของขีปนาวุธและโดรนที่ถูกยิงตกอย่างน้อย 2 คน
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุในรายงานข่าวกรองที่ออกมาในวันศุกร์ว่า รัสเซียน่าจะกำลังเผชิญกับ “ภาวะยากลำบากเฉียบพลัน” ที่จะต้องตัดสินใจว่า ควรเสริมกำลังป้องกันพรมแดนของตน หรือส่งกำลังไปเสริมทัพในพื้นที่ของยูเครนที่ตนควบคุมอยู่
และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานที่ว่า ประชาชนที่พยายามหาที่หลบภัยในที่หลบภับแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟพบว่า จุดดังกล่าวถูกปิดไป โดยกล่าวว่า “มันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เป็นหน้าที่ที่เฉพาะเจาะจงมาก ที่จะทำให้แน่ใจว่า จุดหลบภัยทั้งหมดพร้อมใช้งานและเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ตลอดเวลา”
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า “ถ้าหากการทำหน้าที่ดังกล่าว[ของเจ้าหน้าที่]ในพื้นที่ประสบความล้มเหลว มันก็เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของหน่วยงานรักษากฎหมาย” ที่จะนำผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ “เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
และเพราะวันพฤหัสบดีที่ 1 ของเดือนมิถุนายนเป็นวันเด็กสากลของหลายประเทศ ปธน.เซเลนสกี ระบุในการแถลงข่าวรายวันว่า “แต่แม้ในวันนี้ ... รัฐผู้ก่อการร้ายก็ยังคงพรากชีวิตของเด็กชาวยูเครนคนหนึ่งไป”
คำกล่าวของผู้นำยูเครนมีออกมาหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีก่อนรุ่งสางโดยขีปนาวุธของรัสเซียที่ยิงเข้ามาในกรุงเคียฟ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายโดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ขณะที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 16 คน ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ยูเครน
- ที่มา: วีโอเอ