สมาพันธ์ที่อยู่อาศัยเพื่อประชากรรายได้ต่ำแห่งชาติ (The National Low Income Housing Coalition) ประเมินว่า มีคนอเมริกันราว 30 - 40 ล้านคนที่กำลังเผชิญความเสี่ยงของการถูกไล่ออกจากห้องเช่าหรือบ้านเช่าของพวกเขาภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการตกงาน สืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19
ที่ผ่านมา คนอเมริกันจำนวนมากได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนหลายร้อยดอลลาร์ต่อสัปดาห์จากรัฐบาลกลางและรัฐบาลส่วนท้องถิ่นผ่านโครงการสวัสดิการชดเชยการว่างงาน แต่เงินช่วยเหลือดังกล่าวหมดอายุลงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ขณะที่รัฐสภาสหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องความช่วยเหลือชุดใหม่ได้ ทำให้ประชาชนจำนวนหลายล้านคนกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกไล่ออกจากที่อยู่ของพวกเขา เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า
บรรดานักรณรงค์ด้านที่อยู่อาศัยต่างเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือด้านค่าเช่า และขยายเวลาพันธะผูกพันในการจ่ายค่าเช่าออกไป นำไปสู่การลงนามของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อต้นเดือนนี้ ในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อรับประกันว่าผู้เช่าและเจ้าของบ้านที่ขาดส่งเงินค่าผ่อนบ้านจะไม่ถูกไล่ออกจากที่อยู่อาศัยของพวกเขาในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ทนายความ จีน่า ชีอาลา หัวหน้ากลุ่ม Heartland Center for Jobs and Freedom ซึ่งให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่คนรายได้ต่ำในเมืองแคนซัสซิตี้ กล่าวว่า คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาเพียงระยะสั้น เพราะในระยะยาวนั้น คนรายได้ต่ำยังคงเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกไล่ออกจากบ้าน
ดังนั้น เธอจึงเรียกร้องให้รัฐบาลออกนโยบายแก้ปัญหารายได้ต่ำ และเพิ่มการสร้างที่อยู่อาศัยที่คนเหล่านั้นสามารถจ่ายค่าเช่าได้ในระยะยาว รวมทั้งขอให้บรรดาเจ้าของห้องเช่าหรือบ้านเช่าเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรองกับผู้เช่ามากขึ้นเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตาม ในด้านของผู้ให้เช่าเองก็มีปัญหาไม่น้อยเช่นกัน ดังเช่นที่ เทรซีย์ เบนสัน ประธานสมาคมผู้ให้เช่าอิสระแห่งชาติ (National Association of Independent Landlords) ซึ่งมีสมาชิกราว 200,000 คน กล่าวว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลายากลำบาก เพราะนอกจากผู้ให้เช่าก็กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียบ้านเช่าหรือห้องเช่าของพวกเขาเองแล้ว ยังเสี่ยงที่อาจต้องเสียบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่อีกด้วย
