ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางเยือนนครดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ในวันพุธ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอเมริกันเรื่องการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า
ประธานาธิบดีไบเดนเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงรถยนต์นครดีทรอยต์ และได้กล่าวถึงมาตรการใหม่ภายใต้กฎหมาย Inflation Reduction Act ที่มีเป้าหมายกระตุ้นให้คนอเมริกันซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในอเมริกามากขึ้น ด้วยการให้ส่วนลดภาษี 7,500 ดอลลาร์ต่อผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคัน
เงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ที่จะได้รับส่วนลดภาษี 7,500 ดอลลาร์ดังกล่าว คือต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรีซึ่งผลิตในอเมริกาเหนือ และใช้แร่ธาตุที่ผลิตหรือรีไซเคิลในอเมริกาเหนือสำหรับผสมในแบตเตอรีนั้นด้วย
จุดประสงค์ของนโยบายนี้คือการสร้างห่วงโซ่อุปทานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาในแถบอเมริกาเหนือ และลดการพึ่งพาจีนและประเทศในภูมิภาคอื่น
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐฯ ซึ่งเรียกว่า “Big Three” ได้แก่ เจเนรัล มอเตอร์ส (General Motors) ฟอร์ด (Ford) และ สเตลแลนทีส (Stellantis) หรือชื่อเดิม เฟียต-ไครสเลอร์ (Fiat Chrysler) ต่างประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรีทั่วสหรัฐฯ และแคนาดา
ขณะที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติ รวมทั้ง ฮอนดา (Honda) และ โตโยตา (Toyota) ต่างประกาศแผนตั้งโรงานผลิตแบตเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาเช่นกัน
สำหรับนิทรรศการแสดงรถยนต์นครดีทรอยต์ (Detroit Auto Show) ถือเป็นงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งถูกระงับการจัดงานไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการระบาดของโควิด-19