ผลการสำรวจล่าสุดพบว่า พ่อแม่ชาวอเมริกันที่มีบุตรโตเป็นผู้ใหญ่เเล้วมากกว่า 3 ใน 4 หรือราวร้อยละ 79 ยังให้ความช่วยเหลือทางการเงินเเก่ลูก โดยช่วยจ่ายค่าครองชีพ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าของชำเเละค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน
เซอรยา คอลเลอรี (Surya Kolluri) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการที่ Bank of America Merrill Lynch บอกกับวีโอเอว่า พ่อแม่ชาวอเมริกันรับภาระทางการเงินต่อบุตรยาวนานตลอดชีวิต
พ่อแม่อเมริกันใช้เงินกับลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่เเล้วเป็นจำนวนที่มากกว่าเงินที่พวกเขาสะสมเข้ากองทุนหลังเกษียณอายุการทำงานถึงเท่าตัว
เทเรซา กิลลาร์ดดุชชี (Teresa Ghilarducci) ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เเรงงานเเละการเกษียณ กล่าวว่า ในหลายๆ กรณี ความใจดีของพ่อเเม่อเมริกันต่อบุตร สร้างความเสี่ยงที่สูงขึ้นเเก่วิกฤติชีวิตหลังเกษียณของพ่อเเม่ที่ใกล้เข้ามา โดยชี้ว่า ร้อยละ 40 ของคนชนชั้นกลางในอเมริกาในขณะนี้ที่กำลังจะเข้าสู่วัยเกษียณจะถือว่ายากจนหรือเกือบยากจนเมื่ออายุครบ 62 ปี
ชาวอเมริกันทุกคน ทุกระดับรายได้ จะประสบความลำบากในการเตรียมตัวเพื่อชีวิตหลังเกษียณ โดยเฉพาะคนมีอายุยืนขึ้นเเละมีความจำเป็นมากขึ้นในการดูแลสุขภาพ เเต่คนที่มีรายได้ต่ำที่สุดหรือร้อยละ 90 ของคนทั้งหมดจะมีความเป็นอยู่ที่ลำบากเพราะมีเเค่เงินเกษียณที่ได้จากระบบประกันสังคมของรัฐบาลหรือ Social Security เท่านั้น
ผลการสำรวจนี้พบว่า พ่อแม่ชาวอเมริกันใช้เงินรวมทั้งหมดแล้ว 500,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อปี ไปกับลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่เเล้ว และค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ยังไม่รวมถึงเงินจำนวนมากที่พ่อเเม่ต้องจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในงานเเต่งงานของลูก หรือช่วยลูกซื้อบ้าน
พ่อเเม่ชาวอเมริกันราว 6 ใน 10 คน ช่วยจ่ายค่าจัดงานเเต่งงานเเก่ลูกเเละ 1 ใน 4 ยอมจ่ายเงินช่วยลูกซื้อบ้านหลังเเรก
กิลลาร์ดดุชชี กล่าวว่า การเบิกเงินจากกองทุนเงินสะสมเพื่อเกษียณอายุเพื่อช่วยเหลือลูกที่โตเเล้ว อาจเเสดงถึงความใจดีของพ่อเเม่ เเต่การตัดสินใจนี้จะส่งผลเสียต่อลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่เเล้วในระยะยาว เพราะหากพ่อเเม่ไม่มีเงินเก็บเหลือเพื่อจ่ายค่าผ่อนบ้านจากธนาคารให้หมด ในอนาคตพ่อเเม่อาจต้องย้ายเข้าไปอาศัยกับลูกเมื่อแก่ตัวลง
ครึีงหนึ่งของพ่อแม่อเมริกันในการสำรวจ กล่าวว่า พวกเขาเต็มใจที่จะถอนเงินเก็บ เเละร้อย 43 บอกว่าจะใช้ชีวิตอย่างประหยัดเพื่อช่วยเหลือลูก
หนึ่งในสี่บอกว่า จะยอมเป็นหนี้เเละถอนเงินสดจากกองทุนสะสมเพื่อเกษียณอายุ
พ่อเเม่ชาวเอเชีย ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเเละชาวลาติโน บอกว่าจะยอมเสียสละความมั่นคงทางการเงินของตนเองเพื่อช่วยเหลือลูกๆ โดยมารดามักใจอ่อนกว่าเเละจะยอมช่วยเหลือลูกเเม้ว่าจะทำให้ตนเองลำบากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม พ่อเเม่ในการสำรวจนี้หลายคน กล่าวว่า เสียใจที่ไม่ได้ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนกว่านี้กับลูกถึงความช่วยเหลือทางการเงินที่เต็มใจจะช่วย
คอลเลอรี กล่าวว่า การสอนลูกเกี่ยวกับการเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ยกตัวอย่าง ขณะที่พ่อเเม่อเมริกันร้อยละ 59 เชื่อว่าตนเองได้สอนลูกเรื่องผลดีของการลงทุน มีเด็กวัยรุ่นเพียงร้อยละ 31 เท่านั้นที่บอกว่าได้เรียนรู้เรื่องการเงินจากพ่อแม่
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นอกจากพ่อเเม่ควรมุ่งทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีด้านการเงินเเก่ลูก พวกเขาควรปรึกษาครอบครัวเเละเพื่อนๆ ว่าควรฝึกลูกอย่างไร เพื่อให้เข้าใจเรื่องการจัดการด้านการเงินตั้งเเต่อายุยังน้อย
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
