ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผลวิจัยชี้ 1 ใน 3 ของค่ารักษาพยาบาลในสหรัฐฯ หายไปกับการบริหารจัดการ


Geisinger Health System maternity ward nurse Nichole Madara enters and checks patient medical records in Geisinger's computerized health records system on the Geisinger Health Campus in Danville, Pennsylvania, Oct. 29, 2009.
Geisinger Health System maternity ward nurse Nichole Madara enters and checks patient medical records in Geisinger's computerized health records system on the Geisinger Health Campus in Danville, Pennsylvania, Oct. 29, 2009.
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:26 0:00

การศึกษาครั้งใหม่พบว่า ผู้ทำประกันสุขภาพและผู้ให้บริการด้านการดูแลรักษาสุขภาพของสหรัฐ ใช้เงินมากกว่า 8 แสนล้านดอลล่าร์ในเรื่องการบริหารจัดการในปีพ.ศ. 2560 หรือเกือบ 2,500 ดอลล่าร์ต่อคน ซึ่งมากกว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวในการบริหารในระบบกองทุนสุขภาพของแคนาดาถึง 4 เท่า

กว่า 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลทั้งหมดในสหรัฐฯ นั้นจะถูกนำไปใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการของบริษัทประกันสุขภาพ และค่าดำเนินการเรียกเก็บเงินของผู้ให้บริการทางการแพทย์ เมื่อเทียบกับแคดานาซึ่งมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 17% เท่านั้นเอง

นักวิจัยกล่าวว่า หากสามารถลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการบริหารของสหรัฐฯ ลงให้เหลือ 550 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี ให้เท่ากับแคนาดาได้ สหรัฐจะสามารถประหยัดงบประมาณได้มากกว่า หกแสนล้านดอลล่าร์

Dr. David Himmelstein ศาสตราจารย์ด้านการสาธารณสุขที่มหาวิทยาลัย City University of New York, วิทยาลัย Hunter College ในนครนิวยอร์ก และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Harvard Medical School ในบอสตัน กล่าวว่าคนอเมริกันโดยเฉลี่ยจ่ายเงินมากกว่า 2,000 ดอลล่าร์ต่อปีให้กับระบบการบริหารที่เปล่าประโยชน์ และว่า เงินจำนวนนั้นอาจสามารถนำไปใช้ในเรื่องการรักษาพยายาลได้ หากเรามีโปรแกรมที่เรียกว่า “Medicare for all program”

ในการคำนวณความแตกต่างของค่าใช้จ่ายในระบบการบริหารระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดานั้น Dr. Himmelstein และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ตรวจสอบแฟ้มเอกสาร Medicare ที่ทำขึ้นโดยโรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งบ้านพักคนชรา

สำหรับแพทย์ นักวิจัยใช้ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็น และข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรเกี่ยวกับการจ้างงานและค่าแรงเพื่อประเมินค่าใช้จ่าย ส่วนข้อมูลของแคนาดามาจากสถาบัน Canada Institute for Health Information และสมาคม insurance trade association

นักวิจัยศึกษารายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อหัวในระบบการบริหารด้านสุขภาพในปีพ.ศ. 2560 ในทั้งสองประเทศ และพบว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของผู้ทำประกันสุขภาพในสหรัฐฯ คิดเป็น 844 ดอลล่าร์ เทียบกับเพียง 146 ดอลล่าร์ในแคนาดา ค่าใช้จ่ายการบริหารในโรงพยาบาล 933 ต่อ 196 ดอลล่าร์ สำหรับที่บ้านพักคนชรา ผู้ให้บริการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และสถานดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตอยู่ที่ 255 ต่อ 123 ดอลล่าร์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อประกันเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องของแพทย์อยู่ที่ 465 ต่อ 87 ดอลล่าร์ นักวิจัยยังพบว่าค่าใช้จ่ายด้านการบริหารของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542เพิ่มขึ้น 3.2%

เหตุใดค่าใช้จ่ายในการบริหารจึงสูงมากในสหรัฐฯ??

Dr. Himmelstein กล่าวว่าเหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ การที่ทั้งบริษัทประกันสุขภาพและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพต่างพยายามให้ตัวเองอยู่ในฐานะได้เปรียบ ต่างคนต่างต้องการใช้วิธีการของตัวเอง เช่นการลงรหัสในการรักษาผู้ป่วยจะสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในจำนวนเงินที่บริษัทประกันสุขภาพต้องจ่าย ตัวอย่างเช่น หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการหัวใจล้มเหลว โดยใช้รหัสในการรักษาที่ระบุว่าอาการกำเริบเฉียบพลัน ค่ารักษาที่โรงพยายาลสามารถเรียกเก็บจากบริษัทประกันสุขภาพได้จะสูงกว่าการเข้ารับการรักษาโดยใช้รหัสว่าเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวแบบธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ การใช้รหัสการรักษาที่สูงเกินจริงนั้น ทำให้บริษัทประกันสุขภาพต้องขอเอกสารมากขึ้นและมากขึ้นในการรองรับการวินิจฉัยในแต่ละครั้ง และผลลัพธ์ก็คือการที่บรรดาผู้ให้บริการต้องเสียเวลาไปกับการเตรียมเอกสารเรียกเก็บเงิน

Dr. Himmelstein กล่าวอีกว่าการศึกษาฉบับหนึ่งได้ตรวจสอบดูจำนวนตัวอักษรโดยเฉลี่ยที่อยู่ในบันทึกของแพทย์ในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่าบันทึกของแพทย์สหรัฐฯ นั้นมีความยาวกว่าแพทย์จากประเทศอื่นๆ ถึงสี่เท่าเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของระบบการชำระเงินตามกระบวนการทำงานของระบบราชการ

XS
SM
MD
LG