กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยี กูเกิล (Google) ต่อศาลในกรุงวอชิงตัน ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ด้วยการใช้สถานะผู้ครอบครองตลาดเทคโนโลยีการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต หรือ search engine เพื่อสกัดคู่แข่ง และพยายามผูกขาดตลาดการโฆษณาพ่วงผลการค้นหาด้วย
การฟ้องร้องต่อกูเกิลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินคดีทางกฎหมายที่มีความสำคัญมากที่สุดในวงการเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในรอบกว่า 20 ปี โดยเวลานี้ กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมาธิการด้านการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ FTC กำลังตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น คือ แอปเปิล แอมะซอน และเฟสบุ๊ค ว่าทำผิดในกรณีเดียวกันหรือไม่
ที่ผ่านมา นักการเมืองและองค์กรปกป้องผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต่างกล่าวหากูเกิลว่าใช้ความเป็นผู้ครอบครองตลาด search engine เพื่อประโยชน์ในการสกัดคู่แข่งขันรายอื่น และเพิ่มกำไร ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
ประธานาธิบดีทรัมป์มักวิจารณ์กูเกิลอยู่เสมอ รวมทั้งการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า กูเกิลพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ด้วยการปิดกั้นผลการค้นหาเกี่ยวกับมุมมองหรือแนวคิดของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
และเมื่อสองปีก่อน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ เคยเสนอให้รัฐบาลเข้าควบคุมจัดการผลการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตจากการใช้ search engine ของกูเกิล
ทางบริษัทกูเกิลยังมิได้ออกมาแสดงความเห็นต่อการยื่นฟ้องของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้
ปัจจุบัน กูเกิลถือครองส่วนแบ่งการตลาดราว 90% ของตลาดการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ขณะที่รายงานการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการย่อยด้านยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ชี้ว่า กูเกิลคือผู้ผูกขาดตลาด search engine และยังพยายามรักษาการครอบครองตลาดด้วยการซื้อกิจการของบริษัทอื่นราว 260 แห่ง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กูเกิลถูกปรับเงินจากสหภาพยุโรปเป็นมูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ จากคดีที่กูเกิลถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในยุโรปเช่นกัน