การศึกษาวิเคราะห์เรื่องผลกระทบที่นักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะในระดับปริญญาเอก ส่งผลกระทบในทางบวกต่อนวัตกรมและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ นักวิจัยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐหาทางช่วยให้นักศึกษาเหล่านี้เข้าประเทศและตั้งภูมิลำเนาถาวรในสหรัฐได้ง่ายขึ้น
นักวิจัยเรื่องนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐ เป็นนักเศรษฐศาสตร์สามคนจากมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศ หัวหน้าคณะคือศาสตราจารย์ Keith Maskus จากมหาวิทยาลัย Colorado ที่เมือง Boulder
อาจารย์ Keith บอกว่า มีความสนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่หลัง 11 กันยายน เมื่อรัฐบาลสหรัฐกำหนดมาตรการเข้มงวดกวดขันมากขึ้นเป็นเวลาสองสามปี สำหรับนักศึกษาต่างชาติจากบางภูมิภาคของโลก ที่จะเข้าไปเรียนหนังสือต่อในระดับปริญญาโท-เอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แม้จะมีนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่างๆกล่าวเตือนว่า นโยบายดังกล่าวจะกีดกั้นการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมก็ตาม
อาจารย์ Keith Maskus และเพื่อนนักวิชาการ อาจารย์ Ahmed Mobarak จากมหาวิทยาลัย Yale และอาจารย์ Eric Stuen จากมหาวิทยาลัย Idaho จึงเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูล เพราะอยากจะติดตามดูผลของนโยบายกีดกันนักศึกษาต่างชาติในช่วงหลัง 11 กันยายน
ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาตินั้นละเอียดมาก ลงถึงระดับบุคคล เป็นจำนวนมากถึง 750,000 คนที่เดินทางเข้าสหรัฐเพื่อศึกษาในระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ถึงปลาย 1990 ข้อมูลเหล่านั้นรวมถึงสถานภาพของวีซ่า หัวข้อวิทยานิพนธ์ และมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียน
ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการมีนักศึกษาต่างชาติผสมผสานกับนักศึกษาอเมริกันนั้น ทำให้เกิดผลิตภาพและประสิทธิภาพ จากการสร้างข่ายงานทั้งในด้านห้องปฏิบัติการทดลอง ความชำนาญในแต่ละส่วน รวมทั้งการศึกษาอบรมที่มีพื้นฐานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์หรือห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์
อาจารย์ Keith Maskus บอกว่า เมื่อนักศึกษาเหล่านี้จับกลุ่มและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผลที่เกิดขึ้นคือแนวคิดที่เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่นักวิชาการผู้นี้ไม่เห็นด้วย คือข้อกำหนดในการขอวีซ่าที่ให้นักศึกษาต่างชาติแสดงหลักฐานทางการเงินว่าตนเองหรือครอบครัวมีเงินพอจะใช้จ่ายสำหรับการศึกษาได้ แม้ว่านักศึกษาจะได้รับทุนการศึกษามาก็ตาม
อาจารย์ Keith ให้ความเห็นว่า ข้อกำหนดที่ว่านี้ ไม่มองการณ์ระยะยาว และว่าผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาคุณภาพสูง ไม่ว่าจะมีพื้นฐานทางการเงินมาอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่คณะนักวิจัยชุดนี้เสนอแนะคือเรื่องวีซ่า หลายประเทศในยุโรปตะวันตก แคนาดา และออสเตรเลีย ได้ปรับปรุงกระบวนการสำหรับกรีน คาร์ด หรือใบอนุญาตให้พำนักอาศัยในประเทศเป็นการถาวรสำหรับนักศึกษาที่ได้รับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะจบมาจากมหาวิทยาลัยในประเทศเหล่านั้น จากสหรัฐ หรือจากประเทศอื่นๆบางประเทศ
คณะนักวิจัยชุดนี้ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่เสนอไว้ คือการอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาปริญญาเอกขอกรีน คาร์ดได้ง่ายขึ้น จะช่วยให้สหรัฐแข่งขันในโลกได้ดีขึ้น และว่า ความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะได้ จะชดเชยได้เป็นอย่างดีกับการสูญเสียตำแหน่งงานใดๆสำหรับคนอเมริกันเอง
นักวิจัยเรื่องนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐ เป็นนักเศรษฐศาสตร์สามคนจากมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศ หัวหน้าคณะคือศาสตราจารย์ Keith Maskus จากมหาวิทยาลัย Colorado ที่เมือง Boulder
อาจารย์ Keith บอกว่า มีความสนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่หลัง 11 กันยายน เมื่อรัฐบาลสหรัฐกำหนดมาตรการเข้มงวดกวดขันมากขึ้นเป็นเวลาสองสามปี สำหรับนักศึกษาต่างชาติจากบางภูมิภาคของโลก ที่จะเข้าไปเรียนหนังสือต่อในระดับปริญญาโท-เอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แม้จะมีนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่างๆกล่าวเตือนว่า นโยบายดังกล่าวจะกีดกั้นการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมก็ตาม
อาจารย์ Keith Maskus และเพื่อนนักวิชาการ อาจารย์ Ahmed Mobarak จากมหาวิทยาลัย Yale และอาจารย์ Eric Stuen จากมหาวิทยาลัย Idaho จึงเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูล เพราะอยากจะติดตามดูผลของนโยบายกีดกันนักศึกษาต่างชาติในช่วงหลัง 11 กันยายน
ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาตินั้นละเอียดมาก ลงถึงระดับบุคคล เป็นจำนวนมากถึง 750,000 คนที่เดินทางเข้าสหรัฐเพื่อศึกษาในระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ถึงปลาย 1990 ข้อมูลเหล่านั้นรวมถึงสถานภาพของวีซ่า หัวข้อวิทยานิพนธ์ และมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียน
ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการมีนักศึกษาต่างชาติผสมผสานกับนักศึกษาอเมริกันนั้น ทำให้เกิดผลิตภาพและประสิทธิภาพ จากการสร้างข่ายงานทั้งในด้านห้องปฏิบัติการทดลอง ความชำนาญในแต่ละส่วน รวมทั้งการศึกษาอบรมที่มีพื้นฐานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์หรือห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์
อาจารย์ Keith Maskus บอกว่า เมื่อนักศึกษาเหล่านี้จับกลุ่มและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผลที่เกิดขึ้นคือแนวคิดที่เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่นักวิชาการผู้นี้ไม่เห็นด้วย คือข้อกำหนดในการขอวีซ่าที่ให้นักศึกษาต่างชาติแสดงหลักฐานทางการเงินว่าตนเองหรือครอบครัวมีเงินพอจะใช้จ่ายสำหรับการศึกษาได้ แม้ว่านักศึกษาจะได้รับทุนการศึกษามาก็ตาม
อาจารย์ Keith ให้ความเห็นว่า ข้อกำหนดที่ว่านี้ ไม่มองการณ์ระยะยาว และว่าผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาคุณภาพสูง ไม่ว่าจะมีพื้นฐานทางการเงินมาอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่คณะนักวิจัยชุดนี้เสนอแนะคือเรื่องวีซ่า หลายประเทศในยุโรปตะวันตก แคนาดา และออสเตรเลีย ได้ปรับปรุงกระบวนการสำหรับกรีน คาร์ด หรือใบอนุญาตให้พำนักอาศัยในประเทศเป็นการถาวรสำหรับนักศึกษาที่ได้รับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะจบมาจากมหาวิทยาลัยในประเทศเหล่านั้น จากสหรัฐ หรือจากประเทศอื่นๆบางประเทศ
คณะนักวิจัยชุดนี้ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่เสนอไว้ คือการอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาปริญญาเอกขอกรีน คาร์ดได้ง่ายขึ้น จะช่วยให้สหรัฐแข่งขันในโลกได้ดีขึ้น และว่า ความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะได้ จะชดเชยได้เป็นอย่างดีกับการสูญเสียตำแหน่งงานใดๆสำหรับคนอเมริกันเอง