รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เดินหน้ายกระดับการป้องกันระบบการผลิตและการจ่ายไฟของประเทศจากการโจมตีทางไซเบอร์ ด้วยแผนงานใหม่ที่เสนอการดำเนินการภายใน 100 วัน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชน
สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า โครงการล่าสุดที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศออกมาในวันอังคาร เชิญชวนเจ้าของและผู้ประกอบการโรงงานผลิตไฟฟ้าและพลังงานต่างๆ ให้ปรับปรุงการทำงานและความสามารถในการบ่งชี้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อโครงข่ายของตน ซึ่งรวมถึงการวางหลักวัดการดำเนินการใช้เทคโนโลยีต่างๆ สำหรับการรับมือและโต้ตอบการบุกรุก ณ เวลาที่เกิดขึ้นจริง (Real Time)
นอกจากนั้น กระทรวงพลังงานยังเชิญชวนให้หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ และบริษัทพลังงานและระบบสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าทั้งหลาย เสนอข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันห่วงโซ่ระบบพลังงานของประเทศด้วย
เอมิลี ฮอร์น โฆษกของสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า “ความเป็นหุ้นส่วนที่ริเริ่มขึ้นใหม่เหล่านี้ มีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาความท้าทายด้านความมั่นคงทางไซเบอร์อันเร่งด่วน เพราะโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศส่วนใหญ่นั้น มีภาคเอกชนเป็นเจ้าของและดำเนินการอยู่"
ทั้งนี้ รายงานโดยสำนักงานตรวจสอบอิสระของรัฐสภาสหรัฐฯ (Government Accountability Office) ที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว เปิดเผยว่า ระบบโครงข่ายที่ส่งกระแสไฟฟ้าของสหรัฐฯ ไปยังผู้บริโภคมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแฮ็คเกอร์สามารถใช้เทคนิคหลากหลายในการบุกรุกเข้าระบบต่างๆ และสร้างความเสียหายให้กับห่วงโซ่อุปทานด้วยการเข้าจัดการทั้งโปรแกรมและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่ยาก
รายงานนี้ยังแนะนำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ดำเนินการต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความเสี่ยงทั้งหมดด้วย