บนเวทีอภิปรายของผู้เข้าชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกอากาศสดทั่วประเทศเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ผู้ท้าชิงทั้งหมดพยายามที่จะดันตัวเองขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าให้มากที่สุดตามคาด แต่สิ่งที่หลายคนไม่ได้คิดถึงคือการที่ มหาเศรษฐีหมื่นล้านและอดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ไมเคิล บลูมเบิร์ก กลายมาเป็นเป้าใหญ่ให้ทุกคนอภิปรายถล่มใส่ตลอดทั้งคืน เหมือนเหยื่อตัวใหญ่เข้าไปในถ้ำเสือ ที่เต็มไปด้วยเสือที่หิวโหย
ตลอดทั้งคืน หลายคนได้เห็นว่า วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน และวุฒิสมาชิกเบอร์นี เเซนเดอร์ส คือสองผู้ท้าชิงหลักที่อภิปรายรุนแรงเพื่อลดความน่าเชื่อถือของ บลูมเบิร์ก
วุฒิสมาชิกวอร์เรน กล่าวว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตจะต้องเสี่ยงอย่างหนักถ้าต้องยอมให้มหาเศรษฐีคนหนึ่งเป็นตัวแทนพรรคต่อสู้กับมหาเศรษฐีอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือประธานาธิบดีทรัมป์
ส่วนวุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส พยายามย้ำว่า จุดยืนของพรรคเดโมแครตคือ การที่ช่วยให้ผู้ที่เบื่อหน่ายกับคนรวยอย่างบลูมเบิร์ก มีโอกาสขยายความร่ำรวยขึ้นไปอีก ขณะที่ชาวอเมริกันราวครึ่งล้านยังต้องนอนหลับและใช้ชีวิตอยู่บนถนนอยู่ในเวลานี้
ผู้ท้าชิงคนอื่นๆ เช่น วุฒิสมาชิก เอมี่ โคลบูชาร์ ก็ร่วมโจมตีบลูมเบิร์กว่า เธอไม่คิดว่า ผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงชาวอเมริกันกำลังมองหาคนที่ร่ำรวยกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ มาเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป
เห็นได้ชัดว่าจุดที่บลูมเบิร์กถูกถล่มมากที่สุด คือการที่ อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กมาจากพื้นเพที่ร่ำรวย ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับ 12 ของโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งแซนเดอร์และโคลบูชาร์ กล่าวหาว่า บลูมเบิร์กเลือกที่จะไม่เข้าร่วมขั้นตอนคัดเลือกตัวแทนพรรคในการลงคะแนนเสียงเบื้องต้นใน 4 รัฐ แต่ซื้อสิทธิ์เข้าชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคด้วยการควักเงินเกือบ 400 ล้านดอลลาร์เพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง
บลูมเบิร์กเองยอมรับว่า ตัวเองพยายามใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์หลุดจากเก้าอี้ เพราะเขาเชื่อว่า ทรัมป์คือประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดที่สหรัฐฯ เคยมีมา
ความพยายามของบลูมเบิร์กที่จะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตได้ผลระดับหนึ่ง หลังผลสำรวจคะแนนนิยมของบางสำนักชี้ว่า มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนนี้ มีคะแนนเป็นอันดับสอง รองจากวุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส ซึ่งชนะการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐไอโอวาและรัฐนิวแฮมป์เชียร์มาแล้ว
บลูมเบิร์ก กล่าวว่า 2 คำถามสำคัญที่ทุกคนควรหาคำตอบคือ ใครจะมีโอกาสเอาชนะทรัมป์ได้มากที่สุด และใครจะมีความสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำประเทศได้ดีที่สุด โดยบลูมเบิร์กเชื่อว่าเขาคือตัวแทนที่สามารถทำทั้งสองอย่างนี้ได้อย่างดี
ทั้งนี้ แซนเดอร์ส ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย ย้ำมาเสมอว่า เขาคือผู้ที่มีคุณสมบัติดีที่สุดที่จะดึงดูดคนจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ให้ออกมาใช้สิทธิ์เพื่อทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์หลุดจากตำแหน่งได้
ส่วนวุฒิสมาชิกวอร์เรน โจมตีบลูมเบิร์กว่าเป็นคนเหยียดเพศ ด้วยการอ้างถึงรายงานเกี่ยวกับคำพูดและความเห็นที่เขาเคยพูดไว้นับครั้งไม่ถ้วน ในระหว่างการบริหารธุรกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนนี้ ยอมให้ผู้หญิงหลายคนที่ยอมเซ็นสัญญาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูล (Non-disclosure agreement) เพื่อแลกกับเงินและไม่พูดถึงกรณีความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของเขา แต่บลูมเบิร์กปฏิเสธที่ทำตามที่วอร์เรนร้องขอ และอ้างว่าคนที่ยอมเซ็นสัญญาดังกล่าว ไม่ต้องการจะพูดถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไป
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า โอกาสที่บลูมเบิร์กจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตนั้นขึ้นอยู่กับว่า การขับเคี่ยวระหว่างผู้ท้าชิงนี้จะยุ่งเหยิงและโรมรันพันตูเพียงใด เพราะ ณ จุดนี้ ยังไม่มีผู้ใดคุมเกมส์อยู่ได้เลย ทำให้อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์กมีโอกาสที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกสายกลาง เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
นอกจากนั้น ผลสำรวจความนิยมเมื่อเร็วๆ นี้ยังชี้ด้วยว่า บลูมเบิร์ก มีโอกาสสูงที่จะผงาดขึ้นมาเหนือคนอื่นในการลงคะแนนขั้นต้นพร้อมกัน 14 รัฐในวันอังคารที่ 3 มีนาคม ซึ่งเรียกกันว่า Super Tuesday เพื่อเลือกตัวแทนพรรคเข้าร่วมการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ โดยการสำรวจระบุว่า รัฐที่มหาเศรษฐีคนนี้น่าจะเอาชนะผู้ท้าชิงคนอื่นได้มี อาทิ รัฐเวอร์จิเนีย รัฐนอร์ธแคโรไลนา และรัฐโอกลาโฮมา