จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการคนว่างงานในสหรัฐฯ ทะยานสู่ 3 ล้าน 3 แสนคน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่การระบาดของโคโรนาไวรัสทำให้กิจการหลายพันแห่งปิดลง และโรงงานหลายแห่งต้องลดการผลิต
การยื่นขอสวัสดิการคนตกงานที่มากครั้งประวัติศาสตร์ ทำให้เว็บไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบในรัฐนิวยอร์กและโอเรกอนล่ม
ส่วนผู้ที่เดินทางไปหน่วยงานสวัสดิการสังคมด้วยตัวเองต้องรอคิวหลายชั่วโมง
ทั้งนี้ ตัวเลข 3 ล้าน 3 แสนคน ทำลายสถิติเดิม อย่างราบคาบ
ก่อนหน้านี้ ยอดคนขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ ที่สูงสุดอยู่ที่ 695,000 คน ในปี ค.ศ. 1982 ในตอนนั้นเศรษฐกิจอเมริกัน เผชิญกับอัตราเงินเฟ้อครั้งใหญ่
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขคนขอรับสวัสดิการที่มากระดับปัจจุบัน เป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่แสดงถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโคโรนาไวรัส
ผู้สันทัดกรณีบางรายกล่าวว่า เศรษฐกิจอเมริกันอาจอยู่ในภาวะถดถอยไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะยังไม่เข้าข่ายตามคำนิยามที่ว่าเศรษฐกิจต้องหดตัวสองไตรมาสติดต่อกัน
ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เปิดประเทศอีกครั้งในเดือนหน้า ช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ถูกวิจารณ์ว่าอาจจะยิ่งซำ้เติมเศรษฐกิจอเมริกัน
นักวิเคราะห์ชี้หากสหรัฐฯรีบยุติมาตรการเข้มเพื่อควมคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส เช่นการให้คนอยู่ในเคหะสถานให้มากที่สุด และการยับยั้งการรวมกลุ่มตามที่ชุมชน เศรษฐกิจอเมริกัน อาจเกิดการ “ชัตดาวน์” ซำ้หลายครั้ง ซึ่งส่งผลร้ายยาวนานต่อเศรษฐกิจ
ซีเอ็นเอ็นสัมภาษณ์ มาร์ค เเซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์เศรษฐกิจของ บริษัท Moody’s Analytics ที่กล่าวว่าหากประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจให้มาตรการควบคุมการระบาดที่มีอยู่กลับตัว 180 องศา นั่นจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกตำ่ได้
ส่วนนายเบน เบอร์นานกี้ อดีตผู้ว่าการระบบธนาคารสหรัฐฯผู้ที่ได้รับคำชื่นชมว่าช่วยกู้วิกฤติเศรษฐกิจอเมริกันช่วงปี ค.ศ. 2008 กล่าววันพุธว่า เป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องแน่ใจก่อนว่า เจ้าหน้าที่สามารถจัดการสถานการณ์ด้านสาธารณสุขให้อยู่ภายใต้การควบคุม จึงค่อยให้ประชาชนกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม