รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ Timothy Geithner ให้สัมภาษณ์ต่อรายการ Meet the Press ของเครือข่ายโทรทัศน์ NBC ว่าหากรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเจรจาเพิ่มเพดานการกู้ยืมเงินขึ้นจากระดับ 14 ล้านล้านกับ 3 แสนล้านดอลล่าร์ให้ทันภายในวันที่ 2 สิงหาคม สหรัฐจะหมดเงินและจะก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นคำเตือนในลักษณะเดียวกับที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเคยบอกไว้ และยังสะท้อนคำกล่าวของประธานคณะผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐ Ben Bernanke ที่กล่าวต่อคณะกรรมการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้
นาย Bernanke ระบุว่าหากเพดานการกู้ยืมเงินของสหรัฐไม่ขยับขึ้นจะส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และจะก่อให้เกิดหายนะทางการเงินครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกคนและทำให้การสร้างงานกลับสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ประธานคณะผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐชี้ว่าการยืนยันปฏิเสธไม่เพิ่มเพดานการกู้ยืมเงินนั้น เปรียบเสมือนการใช้จ่ายไม่อั้นผ่านบัตรเครดิตแล้วไม่ยอมจ่ายเงินชดใช้ภายหลัง
นาย Bernanke ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในทันทีเพราะเชื่อว่าจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งหมายความถึงรายได้จากภาษีของรัฐบาลก็จะลดลงด้วย นาย Bernanke ยังบอกด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐใช้เวลาหลายปีในการก่อหนี้ดังกล่าวขึ้นมา การชดใช้หนี้ให้หมดจึงต้องใช้เวลาสักระยะเช่นกันและยังต้องทำด้วยความระมัดระวัง
ทางด้านคุณ Heather Boushey นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่ง Center for American Progress ระบุเช่นกันว่าหากรัฐบาลกับรัฐสภาสหรัฐไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐจะลดลง ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมเงินของรัฐบาลสหรัฐในอนาคตจะสูงขึ้น และยังส่งผลกระทบมาถึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับภาคธุรกิจและครัวเรือนต่างๆรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านด้วย นอกจากนี้ปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็อาจลดลง อัตราการว่างงานจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อธุรกิจต่างๆงดรับพนักงานใหม่ และที่เลวร้ายที่สุดคือเศรษฐกิจอเมริกาอาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังมองโลกในแง่ดี คุณ Sam Stovall ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก Standard & Poor’s เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ใน Wall Street ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ ถึงกระนั้นก็ดีนักวิเคราะห์ผู้นี้ชี้ว่ายิ่งใกล้วันกำหนดเส้นตายเท่าไร ความกังวลในเรื่องนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งรวมถึงความกังวลของประชาชนอเมริกันในด้านการจ้างงาน ตลาดหุ้น ระบบเงินบำนาญ ระบบการดูแลสุขภาพไปจนถึงสวัสดิการสังคม