เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ โอมิครอน กลายมาเป็นสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าวเป็นรายแรกไป
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตปกครองแฮร์ริสเคาน์ตี้ รัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า ชายคนหนึ่งในวัย 50 ปี ซึ่งไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ อยู่แล้ว กลายเป็นเหยื่อโควิด-19 และมีอาการป่วยหนักจนเสียชีวิตไป
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า เชื้อไวรัส โอมิครอน กลายมาเป็นสาเหตุของการติดเชื้อแล้วถึง 73% ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศ ตามข้อมูลที่รวบรวมถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเกือบ 6%
ซีดีซี ยังระบุด้วยว่า โอมิครอน คือ เชื้อไวรัสที่ทำให้มีผู้ป่วยโควิด-19ใหม่ถึง 90% ในรัฐนิวยอร์ก และเป็นสาเหตุของการป่วยส่วนใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ตอนกลาง (มิดเวสต์) และตะวันตกเฉียงเหนือติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย
สถานการณ์การระบาดเหมือนไฟลามทุ่งของ โอมิครอน ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐทั่วสหรัฐฯ ตัดสินใจกลับมาบังคับใช้มาตรการจำกัดต่างๆ หรือสั่งการใช้กฎใหม่ๆ เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อแล้ว อย่างเช่น ในกรุงวอชิงตัน ที่นายกเทศมนตรี มิวเรียล เบาเซอร์ สั่งบังคับใช้กฎการสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ภายในอาคารต่างๆ อีกครั้ง หรือ นายกเทศมนตรี มิเชลล์ วู ในนครบอสตัน ที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ ให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการในยิม บาร์ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
รายงานข่าวระบุว่า โรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ กำลังเริ่มตกอยู่ในภาวะมีคนไข้โควิด-19 เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ประเด็นการขาดแคลนพยาบาลและบุคลากรของหลายแห่งรุนแรงขึ้นไปอีก
การระบาดของเชื้อไวรัสโอมิครอนอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกแล้วถึงกว่า 90 ประเทศ ทำให้ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกมาเรียกร้องในวันจันทร์ ให้ผู้คนทั่วโลกยกเลิกแผนการเดินทางต่างๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่แล้ว
ขณะเดียวกัน คริส ฮิปกิน รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบการรับมือโควิด-19 ของที่นิวซีแลนด์ กล่าวในวันอังคารว่า รัฐบาลจะเลื่อนแผนเปิดให้นักเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ที่เดิมมีกำหนดจะดำเนินการในเดือนมกราคม ไปเป็นกลางเดือนกุมภาพันธ์แทนแล้ว