ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1 ล้าน 5 แสนคนในวันอาทิตย์ ขณะที่ผู้เสียชีวิตเกินระดับ 89,000 คนไปแล้ว ตามข้อมูลล่าสุดของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮ็อพกินส์ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน นายอเล็กซ์ อซาร์ กล่าวกับซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลอเมริกันทำผิดพลาดในการรับมือการระบาดของโควิด-19 โดยบอกว่าที่ผ่านมามีโอกาสที่จะเกิดหายนะครั้งใหญ่กว่านี้ และว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทำหน้าที่ได้ดีแล้วในการทำให้ "กราฟแบนราบลง" แม้ว่าจะมีคนอเมริกันจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 รวมทั้งคนที่เป็นโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
รัฐมนตรีอซาร์ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เราอยู่ในจุดที่ดีที่จะเปิดธุรกิจต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกครั้ง แม้ยังมีความเสี่ยงร้ายแรงด้านสาธารณสุขอยู่ก็ตาม
จนถึงขณะนี้ 48 รัฐจาก 50 รัฐในอเมริกา เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และอนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ภาพจากสื่อต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า คนอเมริกันจำนวนมากยังเพิกเฉยต่อคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ทีี่ให้สวมหน้ากากเวลาออกไปข้างนอก และเว้นระยะห่างกับผู้อื่น ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการระบาดใหญ่ได้อีก
รายงานการศึกษาขององค์การอนามัยโลกที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ เตือนว่า ในที่สุดแล้วจะมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ราว 250 ล้านคนทั่วโลก และอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 150,000 คนในอาฟริกา หากไม่มีมาตรการป้องกัน
รายงานระบุด้วยว่า อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตของประชาชนในเอเชีย ยุโรปและสหรัฐฯ จะค่อย ๆ ลดลง
ขณะที่รายงานวิจัยของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ในอังกฤษ ชี้ว่า ประชาชนในเขตยากจนของอังกฤษมีอัตราการติดเชื้อมากกว่าประชาชนในเขตที่ร่ำรวยถึง 4 เท่า นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสุขภาพและอายุก็มีผลต่ออัตราการติดเชื้อเช่นกัน