ข้อมูลสถิติของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮ็อพกินส์ ในสหรัฐฯ ชี้ว่าขณะนี้อเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากกว่า 320,000 คน คิดเป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกราว 1.25 ล้านคน
รัฐนิวยอร์ก คือรัฐที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือกว่า 120,000 ราย และเสียชีวิตแล้วกว่า 3,500 คน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ว่า สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายขึ้นทั้งในรัฐนิวยอร์กและรัฐอื่นๆ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ กำลังจะเผชิญกับช่วงเวลาการระบาดหนักที่สุดเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งหมายความว่าจะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ แล้วกว่า 9,100 คน
เวลานี้โรงพยาบาลในหลายรัฐของสหรัฐฯ ต่างแบกรับผู้ป่วยอย่างเต็มขีดความสามารถ และกำลังขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็น โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
ด้านพลเรือโท เจอโรม อดัมส์ แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ หรือ Surgeon General กล่าวกับรายการ Fox News Sunday ว่า "สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากและเศร้าโศกที่สุดสำหรับคนอเมริกัน ไม่ต่างจากเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หรือเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2001 ต่างกันแต่เพียงวิกฤติครั้งนี้จะเกิดขึ้นทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่รัฐใดรัฐหนึ่ง"
ขณะที่นายแพทย์แอนโธนี ฟาวซี ผอ.สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับรายการ “Face the Nation” ของซีบีเอส ยืนยันเช่นกันว่า สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายและน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง โดยคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 7-9 วันข้างหน้า
นายแพทย์ฟาวซียอมรับว่า "สหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้" แม้ว่า 41 รัฐจาก 50 รัฐ ต่างมีคำสั่งให้ประชาชนห้ามออกจากเคหสถานหากไม่จำเป็น ครอบคลุมประชากรราว 327 ล้านคน หรือราว 90% ของประชากรทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ผู้นี้หวังว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะลดลงในช่วงกลางเดือนนี้