สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการศึกษาของสำนักงานเพื่อการค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) ว่านโยบายของสหรัฐฯ ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนหน้านั้น จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอเมริกันและเศรษฐกิจโลก จนอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่
รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดภาษีเพิ่มในอัตรา 10% กับสินค้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเป็นการลงโทษที่จีนใช้นโยบายการค้าอย่างไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ ทำให้ได้ดุลการค้าปริมาณมหาศาล โดยอาจเพิ่มภาษีเป็น 25% ในวันที่ 1 มีนาคม นอกเสียจากว่าทั้งสองประเทศจะสามารถเจรจาตกลงกันได้
ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของอังค์ถัด กล่าวต่อที่ประชุมว่า นโยบายขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลกระทบทางลบมหาศาลต่อเศรษฐกิจโลก และอาจจุดชนวนให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่เนื่องจากความผันผวนในตลาดสินค้าและตลาดการเงินโลก
รายงานของอังค์ถัดระบุด้วยว่า อาจเกิดสงครามค่าเงินตามมา รวมทั้งการขาดทุนของบริษัทต่างๆ การลดจำนวนพนักงาน ปัญหาอัตราการว่างงานสูง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบเป็นทอดๆ สู่ภาคเศรษฐกิจต่างๆ ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศยากจนที่จะได้รับผลเสียมากที่สุด
อังค์ถัดระบุว่า ผลจากการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ จะกระจายไปยังหลายประเทศ กล่าวคือ สหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบที่แท้จริงเพียง 6% ส่วนจีนได้รับผลกระทบ 12% ขณะที่ประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบทางอ้อมรวมกันราว 82% โดยเฉพาะประเทศที่ทำการค้ากับสหรัฐฯ