วุฒิสภาสหรัฐลงคะแนนเสียงเมื่อวันจันทร์ 56-26 ให้นาง Janet Yellen เข้ารับตำแหน่งประธานผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐ ต่อจากนาย Ben Bernanke ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวไปสิ้นเดือนนี้
ตำแหน่งประธานผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลตำแหน่งหนึ่งในวงการเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสถาบันแห่งนี้ที่จะมีผู้หญิงได้เข้ารับหน้าที่ที่สำคัญนี้ด้วย
การเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะได้ดำรงตำแหน่งนี้ ไม่ได้เป็นจุดขายสำหรับสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐที่สนับสนุนนาง Janet Yellen ก่อนการลงคะแนนเสียง
วุฒิสมาชิก Sherrod Brown เน้นย้ำคุณสมบัติและกรอบความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ และว่า ประธานผวก.ระบบธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ จะทำงานเพื่อปกป้องประชาชนจากระบบการเงินของประเทศที่แทบจะควบคุมกันไม่ได้
สว. Sherrod Brown กล่าวว่า ในระบบการเงินที่สลับซับซ้อนทุกวันนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องมีผู้ควบคุมระบบที่เข้มแข็งอย่างรองประธานผวก. Janet Yellen ซี่งตระหนักดีว่าระบบการเงินที่ควบคุมไม่ได้นี้ เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และว่าเธอจะไม่หวั่นเกรงที่จะจัดการกับการกระทำผิดที่ทำให้ผู้บริโภคและแรงงานตกอยู่ในภาวะเสี่ยง
ระบบธนาคารกลางสหรัฐกำลังเริ่มลดการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโต โดยลดการซื้อหลักทรัพย์จากเดือนละแปดหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์ ลงมาอยู่ที่เดือนละเจ็ดหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์
นาย Ben Bernanke ประธานผวก. ระบบธนาคารคนปัจจุบันและนาง Janet Yellen นำมาตรการดังกล่าวมาใช้หลังสหรัฐประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี ค.ศ. 2008
ในการแถลงปากคำต่อรัฐสภาเมื่อได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งประธานผวก.ในปีที่แล้ว นาง Janet Yellen กล่าวไว้ว่า มาตรการนี้จำเป็นและให้ประโยชน์
แต่สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่สนับสนุนเธอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรค Republican รวมทั้งสว. Chuck Grassley กล่าววิพากษ์ตำหนิว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและลดกำลังซื้อของอเมริกา ก่อนจะพากันลงคะแนนเสียงคัดค้าน
สว. Chuck Grassley กล่าวว่า สหรัฐจะต้องมีประธานผวก. ระบบธนาคารกลางที่มุ่งทำงานเพื่อให้ค่าเงินดอลล่าร์สูงขึ้น และคุมอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำไว้ และว่า หลักฐานในประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า การไม่ควบคุมปริมาณเงินเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสภาพเศรษฐกิจฟองสบู่ และอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้ออย่างสูงได้
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ รวมทั้ง นาย James Glassman นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase ธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐ คาดคะเนกันว่า นาง Janet Yellen ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานผวก. อยู่ในขณะนี้ จะยังดำเนินนโยบายของระบบธนาคารกลางที่เป็นอยู่ในเวลานี้ต่อไป
นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase ผู้นี้ให้ความเห็นว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจของประเทศทำงานได้ดีแค่ไหน ตลาดแรงงานปรับปรุงดีขึ้นเร็วไหม และระบบธนาคารกลาง หรือ ที่เรียกกันง่ายๆว่า Fed จะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหนกับการกระตุ้นให้สภาพเงินเฟ้อกลับขึ้นมาอยู่ที่ 2% อย่างที่ใครๆต้องการกัน
นาย James Glassman นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase บอกไว้ด้วยว่า นอกจากจะให้ความต่อเนื่องแล้ว นาง Janet Yellen ยังจะทำงานเพื่อให้ Fed มีความโปร่งใสและผู้คนทั่วไปเข้าใจได้ ตามที่นาย Ben Bernanke ได้เริ่มต้นไว้ต่อไปด้วย
ขณะนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว อัตราการว่างงานลดลงไปอยู่ที่ 7% ซึ่งแม้จะยังสูงกว่า 6% อย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็ทำให้เกิดความหวังเพราะนายจ้างเริ่มกลับมาจ้างงานอีกในอัตราเดือนละประมาณสองแสนตำแหน่งแล้ว
Fed ยังได้คาดการณ์ไว้ด้วยว่าในปีใหม่นี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตอย่างมั่นคง และนักเศรษฐศาสตร์ James Glassman พยากรณ์ว่าอัตราการโตจะมากกว่า 3%
ตำแหน่งประธานผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลตำแหน่งหนึ่งในวงการเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสถาบันแห่งนี้ที่จะมีผู้หญิงได้เข้ารับหน้าที่ที่สำคัญนี้ด้วย
การเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะได้ดำรงตำแหน่งนี้ ไม่ได้เป็นจุดขายสำหรับสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐที่สนับสนุนนาง Janet Yellen ก่อนการลงคะแนนเสียง
วุฒิสมาชิก Sherrod Brown เน้นย้ำคุณสมบัติและกรอบความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ และว่า ประธานผวก.ระบบธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ จะทำงานเพื่อปกป้องประชาชนจากระบบการเงินของประเทศที่แทบจะควบคุมกันไม่ได้
สว. Sherrod Brown กล่าวว่า ในระบบการเงินที่สลับซับซ้อนทุกวันนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องมีผู้ควบคุมระบบที่เข้มแข็งอย่างรองประธานผวก. Janet Yellen ซี่งตระหนักดีว่าระบบการเงินที่ควบคุมไม่ได้นี้ เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และว่าเธอจะไม่หวั่นเกรงที่จะจัดการกับการกระทำผิดที่ทำให้ผู้บริโภคและแรงงานตกอยู่ในภาวะเสี่ยง
ระบบธนาคารกลางสหรัฐกำลังเริ่มลดการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโต โดยลดการซื้อหลักทรัพย์จากเดือนละแปดหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์ ลงมาอยู่ที่เดือนละเจ็ดหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์
นาย Ben Bernanke ประธานผวก. ระบบธนาคารคนปัจจุบันและนาง Janet Yellen นำมาตรการดังกล่าวมาใช้หลังสหรัฐประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี ค.ศ. 2008
ในการแถลงปากคำต่อรัฐสภาเมื่อได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งประธานผวก.ในปีที่แล้ว นาง Janet Yellen กล่าวไว้ว่า มาตรการนี้จำเป็นและให้ประโยชน์
แต่สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่สนับสนุนเธอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรค Republican รวมทั้งสว. Chuck Grassley กล่าววิพากษ์ตำหนิว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและลดกำลังซื้อของอเมริกา ก่อนจะพากันลงคะแนนเสียงคัดค้าน
สว. Chuck Grassley กล่าวว่า สหรัฐจะต้องมีประธานผวก. ระบบธนาคารกลางที่มุ่งทำงานเพื่อให้ค่าเงินดอลล่าร์สูงขึ้น และคุมอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำไว้ และว่า หลักฐานในประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า การไม่ควบคุมปริมาณเงินเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสภาพเศรษฐกิจฟองสบู่ และอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้ออย่างสูงได้
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ รวมทั้ง นาย James Glassman นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase ธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐ คาดคะเนกันว่า นาง Janet Yellen ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานผวก. อยู่ในขณะนี้ จะยังดำเนินนโยบายของระบบธนาคารกลางที่เป็นอยู่ในเวลานี้ต่อไป
นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase ผู้นี้ให้ความเห็นว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจของประเทศทำงานได้ดีแค่ไหน ตลาดแรงงานปรับปรุงดีขึ้นเร็วไหม และระบบธนาคารกลาง หรือ ที่เรียกกันง่ายๆว่า Fed จะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหนกับการกระตุ้นให้สภาพเงินเฟ้อกลับขึ้นมาอยู่ที่ 2% อย่างที่ใครๆต้องการกัน
นาย James Glassman นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร JPMorgan Chase บอกไว้ด้วยว่า นอกจากจะให้ความต่อเนื่องแล้ว นาง Janet Yellen ยังจะทำงานเพื่อให้ Fed มีความโปร่งใสและผู้คนทั่วไปเข้าใจได้ ตามที่นาย Ben Bernanke ได้เริ่มต้นไว้ต่อไปด้วย
ขณะนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว อัตราการว่างงานลดลงไปอยู่ที่ 7% ซึ่งแม้จะยังสูงกว่า 6% อย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็ทำให้เกิดความหวังเพราะนายจ้างเริ่มกลับมาจ้างงานอีกในอัตราเดือนละประมาณสองแสนตำแหน่งแล้ว
Fed ยังได้คาดการณ์ไว้ด้วยว่าในปีใหม่นี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตอย่างมั่นคง และนักเศรษฐศาสตร์ James Glassman พยากรณ์ว่าอัตราการโตจะมากกว่า 3%