กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่าได้ตั้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย 7 คน ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบเจาะล้วงข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นระหว่างประเทศ รวมทั้งองค์กรหลายแห่งที่กำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่รัสเซีย 7 คนดังกล่าว ทำงานให้กับองค์กรข่าวกรองด้านการทหารของรัสเซีย GRU โดยในจำนวนนี้มีอยู่ 3 คน ที่อัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบเจาะล้วงข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของพรรคเดโมแครต ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016
อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยืนยันว่าการตั้งข้อหาครั้งล่าสุดนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนของอัยการมุลเลอร์แต่อย่างใด
ชาวรัสเซีย 7 คนนี้ถูกฟ้องในหลายข้อหา รวมทั้งเจาะล้วงข้อมูลคอมพิวเตอร์ ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล และฟอกเงิน ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2014 - 2018 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่สำนักงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นระหว่างประเทศ และของสหรัฐฯ รวมทั้ง สมาพันธ์ฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า ตลอดจนเจ้าหน้าที่ด้านกีฬาและนักกีฬาเกือบ 250 คน จาก 30 ประเทศ
องค์กรและบุคคลเหล่านี้ตกเป็นเป้าของการถูกลอบเจาะล้วงข้อมูล เนื่องจากมีส่วนสนับสนุนการคว่ำบาตรนักกีฬารัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่าใช้สารกระตุ้น ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่นครริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าทางการรัสเซียมีส่วนสนับสนุนโครงการใช้สารกระตุ้นนี้
นอกจากนี้ เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ของบริษัทพลังงงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ Westinghouse Electric รวมทั้งขององค์กรเพื่อการยับยั้งอาวุธเคมี และของห้องทดลอง Spiez Swiss Chemical Laboratory ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบสารพิษที่ใช้ในกรณีลอบสังหารอดีตสายลับสองหน้าชาวรัสเซียในอังกฤษ ล้วนถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียกลุ่มนี้ลอบเจาะล้วงข้อมูลด้วยเช่นกัน
ด้านนายกฯ อังกฤษ เธเรซ่า เมย์ และนายกฯ เนเธอร์แลนด์ มาร์ค รัตต์ มีแถลงการณ์ร่วม ประณามการกระทำขององค์กร GRU ของรัสเซียว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ทางกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้แล้ว