รายงานของ UNESCAP ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและสังคมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคของสหประชาชาติ ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะไม่น่าโตเร็วกว่า 6%
Shamshad Akhtar เลขาธิการบริหารของ UNESCAP กล่าวว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติในภูมิภาคนี้ น่าจะไม่เปลี่ยนไปจากร้อยละ 6 ปีนี้และปีหน้า
เขาบอกว่าจีนน่าจะรักษาการขยายตัวอยู่ที่ราว 7% และเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็น่าจะกระเตื้องขึ้นบ้างในช่วงปีถึงสองปีจากนี้ เขาเชื่อว่าการกระจายอุตสาหกรรมและการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนจะเห็นผลดีในวันหน้า
นอกจากนั้น Shamshad Akhtar เลขาธิการบริหารของ UNESCAP บอกว่าเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิคน่าจะได้รับผลดีจากการเจรจาการค้าเสรีระหว่างสหรัฐและประเทศชายฝั่งมหาสุทรแปซิฟิค ภายใต้กรอบ Trans-Pacific Partnership
อีกทั้งเศรษฐกิจเอเชียน่าจะได้แรงขับเคลื่อนจากการลงทุนผ่านธนาคารเพื่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือธนาคาร AIIB (Asian Infrastructure Investment Bank) ที่จีนเป็นผู้ก่อตั้งอีกด้วย
เขาคาดว่าภูมิภาคนี้น่าจะมีการปรับปรุงสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องการเงินลงทุนแปดแสนล้านถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์
สิ่งที่ ESCAP เป็นกังวลคือเศรษฐกิจของเอเชียกลางตอนเหนือ ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากราคาน้ำมันที่ต่ำลง บริเวณดังกล่าวคือประเทศที่อดีตเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
สหประชาชาติกล่าวว่า ความยากจนแร้นแค้นอย่างที่สุดได้รับการปรับปรุงแก้ไขในเอเชีย แต่ช่องว่างด้านรายได้ในสังคมมีมากขึ้น และอัตราการจ้างงานยังต่ำอยู่ในเขตเมืองของประเทศกำลังพัฒนา