อมิเลีย อานิโซวิช เด็กหญิงชาวยูเครนที่เป็นหนึ่งในคนหลายล้านคนที่ต้องลี้ภัยสงครามในประเทศบ้านเกิด ซึ่งถูกรุกรานโดยกองทัพรัสเซียตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลายมาเป็นผู้อพยพที่มีชื่อเสียงอีกคน และได้ใช้ความสามารถด้านการร้องเพลงตระเวณแสดงคอนเสิร์ตเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในยูเครนแล้ว
ภาพจากวีดีโอที่แสดงให้เห็น อมิเลีย เด็กหญิงวัย 7 ขวบ ขณะขับร้องเพลง ‘Let it Go’ จาก Frozen ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องดังของดิสนีย์ ได้ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์และได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นทันทีภายในเวลาไม่นาน
หนูน้อยที่ลี้ภัยมาอยู่ในกรุงวอร์ซอของประเทศโปแลนด์แล้วในเวลานี้ กล่าวว่า เธอต้องการที่จะให้กำลังใจทุกคน และคนที่ฟังก็ชอบที่เธอร้องเพลงมาก ทั้งยังปรบมือให้เธอและยื่นมามาทำท่าไฮไฟฟ์กับเธอด้วย
อมิเลียเล่าถึงประสบการณ์ของเธอและครอบครัวให้ วีโอเอ ฟัง ขณะที่กำลังให้อาหารนกและเป็ดในทะเลสาบแห่งหนึ่ง ณ สวนสาธารณะในเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ และบอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ว่า ปกติ เธอมักจะออกมาให้อาหารสัตว์เช่นนี้ตอนอยู่ที่ยูเครน แต่เมื่อสงครามได้เริ่มขึ้น ลิเลีย ซึ่งเป็นคุณแม่ของเธอจำต้องพาเธอไปหลบภัยในห้องใต้ดิน แล้วต้องคอยตามดูเธอทุกฝีก้าว เพราะอาจมีกับระเบิดอยู่ข้างนอก
ลิเลียเล่าว่า "เมื่ออมิเลียแสดงอาการหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้หน้าต่าง และเมื่อทุกคนต้องออกจากบ้านมาอยู่ที่ห้องหลบภัย ซึ่งต้องกลับไปกลับมาตลอด เพราะมีการทิ้งระเบิดในตอนกลางคืนด้วย อมิเลียเริ่มค่อยๆ ถามก่อนจะก้าวขาทุกข้าง เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย"
ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่ว่านี้ ลิเลียจึงตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่จะต้องทิ้งบ้านเกิดไปยังที่ปลอดภัยมากกว่า เพราะถ้ายังอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป อมิเลียจะต้องได้มีปัญหาด้านสุขภาพจิตอย่างแน่นอน และอาจโตขึ้นมาเป็นเด็กที่กลัวทุกอย่าง แม้กระทั่งเงาของตัวเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวลองถามอมิเลียเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางออกจายูเครน หนูน้อยคนนี้เล่าว่า เธอยังจำสภาพรถไฟที่แออัดไปด้วยผู้คน ขณะที่เธอเดินทางออกจากรุงเคียฟได้ดี และเล่าว่า “บางคนลุกขึ้นยืน บางคนนั่งลง พวกเรานอนต้องนอนบนพื้นที่ของสถานีรถไฟ โดยใช้ฟูกนอนที่มีคนแจกมาให้”
ครอบครัวของอมิเลีย บอกด้วยว่า ชาวโปแลนด์ให้การต้อนรับและปฏิบัติต่อสมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวอย่างดี และขณะนี้ บ้านพักอาศัยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกกรุงวอร์ซอยังได้ช่วยให้อมิเลียและพี่ชายของเธอ มิชา สามารถไปโรงเรียนที่นี่ได้ด้วย
ทั้งนี้ แม่ของอมิเลียยังหวังลึกๆว่า จะมีโอกาสได้กลับบ้านในยูเครนในเร็ววัน
ลิเลียกล่าวว่า แรกเริ่มเดิมที เธอคิดว่าจะมาอยู่ที่ยูเครนเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่ตอนนี้เข้าใจดีแล้วว่า มันจะต้องนานกว่านั้น โดยตัวเองยังหวังว่า จะได้กลับบ้านภายใน 2-3 เดือน แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นว่า มันอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น และแม้ว่า สภาพความเป็นอยู่ที่โปแลนด์จะดีและปลอดภัย แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะอย่างไรเสีย เธอก็เป็นคนต่างชาติ และต้องการจะกลับบ้าน ต้องการจะพบหน้าสามีของเธอ
ลิเลียยอมรับด้วยว่า เธอรู้สึกกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนในครอบครัว และพยายามสวดมนต์อ้อนวอน ทั้งยังหวังว่า เสียงสวดของผู้คนนับพันนับล้านในเวลานี้จะช่วยดลบันดาลให้ผู้ผลัดถิ่นทุกคน ได้กลับคืนสู่บ้านของตนในไม่ช้านี้
ส่วนตัวอมิเลยนั้น เธอรู้สึกว่า ตัวเองโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ ผู้สื่อข่าวสังเกตว่า หนูน้อยคนนี้ มีอากัปกิริยาสำรวมผิดจากเด็กในวัยเดียวกัน โดยเฉพาะเวลาที่พูดถึงบ้านเกิดของตัวเอง และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "เราต้องพูดภาษายูเครน ไม่ใช่ภาษารัสเซียเพราะศัตรูของเราพูดภาษารัสเซีย" และว่า "เรากำลังมีสงครามในยูเครน และรัสเซียโจมตีเรา ... หนูกลัวแทนคนในครอบครัวของหนู ... คุณพ่อ คุณปู่ และคุณย่าของหนู ทุกคนยังคงอยู่ที่นั่น (ยูเครน) หนูกลัวแทนพวกเขาขณะที่ เด็กๆ หลายคนต้องเสียชีวิตลงไป แต่หนูก็ยังอยากใช้ชีวิตอยู่มากๆ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ"
ลิเลียและวีร่า ซึ่งเป็นคุณยายของอมิเลีย พยายามทำทุกอย่างเหมือนปกติให้ได้มากที่สุดสำหรับอมิเลียและพี่ชายของเธอ โดยเฉพาะเมื่อหนูน้อยคนนี้เพิ่งเริ่มเข้าเรียนปีแรกเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ต้องกลับมาเป็นผู้ลี้ภัย แต่ยังได้เข้าชั้นเรียนที่เมืองเล็กๆใกล้กรุงวอร์ซอ ซึ่งครอบครัวต่างหวังว่า สงครามจะจบลงในเร็ววันและพวกเขาจะได้กลับบ้านในที่สุด
และในระหว่างที่รอคอยการกลับประเทศยูเครนอยู่นี้ อมิเลียได้ใช้ความสามารถพิเศษในการร้องเพลงของเธอและชื่อเสียงที่เริ่มเป็นที่รู้จัก เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตต่างๆ ทั่วโปแลนด์เพื่อระดมทุนช่วยผู้ประสบภัยในยูเครนไปพลางๆ