ผู้นำองค์การนาโต้และสหภาพยุโรป ประกาศความสนับสนุนด้านการทหารเพิ่มให้แก่ยูเครนสำหรับใช้ในการทำสงครามกับรัสเซียที่กินเวลานานเกือบหนึ่งปีแล้ว รวมถึงการจัดหายุทโธปกรณ์และระบบป้องกันตนเองทางอากาศที่ทันสมัยให้แก่ยูเครนด้วย
ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันอังคารว่า ยูเครนควรได้รับยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นในการป้องกันตนเอง "เพราะพวกเขากำลังปกป้องหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ สิทธิขั้นพื้นฐานและกฎหมายระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน"
ทางด้าน เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ กล่าวแสดงความยินดีต่อคำประกาศของสหรัฐฯ เยอรมนี และฝรั่งเศส ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่จะจัดหาอาวุธและยานพาหนะหุ้มเกราะรุ่นใหม่ให้แก่ยูเครน พร้อมเน้นย้ำว่า ความสำคัญของการฝึกฝน ซ่อมบำรุงและเตรียมความพร้อมของระบบที่ชาติพันธมิตรได้ส่งไปให้กับกองทัพยูเครนแล้วก่อนหน้านี้
"ชาติพันธมิตรนาโต้และสมาชิกอียูได้จัดส่งยุทธภัณฑ์จากคลังอาวุธของตัวเองเพื่อสนับสนุนยูเครน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของเราเอง และเราจำเป็นต้องใช้ศักยภาพในคลังอาวุธที่มีอยู่เพื่อหนุนหลังยูเครน" เลขาธิการนาโต้กล่าว
สโตลเทนเบิร์ก ย้ำว่า ไม่ควรประเมินรัสเซียต่ำเกินไป และว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะปรับเปลี่ยน "เป้าหมายโดยรวมในการทำสงครามที่โหดร้ายต่อยูเครน"
เขากล่าวว่า "ผู้มีอำนาจในกรุงมอสโกต้องการเห็นยุโรปที่ต่างจากเดิม ต้องการควบคุมประเทศเพื่อนบ้านและมองว่า ประชาธิปไตยและเสรีภาพคือภัยคุกคาม" และว่า "สิ่งนี้จะส่งผลในระยะยาวต่อความมั่นคงของเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและกระชับความเข้มแข็งในหมู่สมาชิกของนาโต้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เราต้องเดินหน้าเพิ่มกระชับความเป็นพันธมิตรระหว่างนาโต้และสหภาพยุโรป และต้องเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครนให้มากขึ้น"
สมรภูมิบาคห์มุตยิ่งตึงเครียด
กระทรวงกลาโหมอังกฤษเปิดเผยว่า ทหารรัสเซียและทหารรับจ้างจากองค์กรแวกเนอร์ "อาจสามารถควบคุม" พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองโซเลดาร์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ไว้ได้เกือบหมดแล้ว
การต่อสู้ที่เมืองโซเลดาร์ในขณะนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดที่รุนแรงดุเดือดที่สุดของสงครามยูเครน และมีรายงานความสูญเสียอย่างมากของทั้งสองฝ่าย
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุถึงสถานการณ์ในเมืองโซเลดาร์ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันจันทร์ว่า "แทบไม่มีกำแพงสภาพดีหลงเหลืออยู่เลย" ขณะที่แถลงการณ์จากกองทัพยูเครนที่ออกมาในวันจันทร์ระบุว่า รัสเซียได้ส่งกำลังเสริมมาที่เมืองโซเลดาร์ที่อยู่ห่างจากเมืองบาคห์มุตราว 10 กม.แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึง “ความพยายามในภาวะเข้าตาจน” ที่จะบุกเข้าเมืองบาคห์มุตให้ได้
ก่อนหน้าสงครามที่ดำเนินมาถึงเดือนที่ 11 นี้ เมืองบาคห์มุตมีประชากรอาศัยอยู่ราว 70,000 คน แต่ในเวลานี้แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง โดยผู้ที่ยังอยู่ในเมืองซึ่งเหลือไม่มากก็ได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาอาสาสมัครที่ช่วยจัดหาไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต ระบบทำความร้อน น้ำและยาให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี