รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวเรียกร้องให้มีความพยายามยุติความก้าวร้าวและการรุกรานในทะเลจีนใต้ พร้อมเตือนไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติว่า "ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงและการค้าโลก"
ปัจจุบัน ประเด็นเรื่องการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในชนวนของความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันตก คือ สหรัฐฯ กับมหาอำนาจฝั่งตะวันออก คือ จีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีบลิงเคน กล่าวต่อที่ประชุมด้านความมั่นคงทางทะเลของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ในวันจันทร์ว่า "เมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ต้องรับผลใด ๆ จากการละเมิดหลักเกณฑ์ระหว่างประเทศ นั่นยิ่งเร่งให้เกิดการฝ่าฝืนและความไร้เสถียรภาพในส่วนอื่นของโลกด้วยเช่นกัน"
รัฐมนตรีบลิงเคน กล่าวว่า "เราได้เห็นการเผชิญหน้าอย่างอันตรายระหว่างเรือของหลายประเทศ และท่าทีรุกรานยั่วยุเพื่อผลักดันการกล่างอ้างอย่างไม่ถูกต้อง" และว่า สหรัฐฯ เป็นกังวลต่อการกระทำในลักษณะคุกคามและกลั่นแกล้งประเทศอื่นที่พยายามเข้าไปยังพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลดังกล่าว
ที่ผ่านมา แม้สหรัฐฯ มิได้มีส่วนในการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ แต่รัฐบาลอเมริกันยกประเด็นเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือในบริเวณดังกล่าว พร้อมปฏิเสธคำกล่าวอ้างของจีนมาโดยตลอด
ทางด้านอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น ไต้ ปิง กล่าวหาสหรัฐฯ กลับว่า "เป็นผู้จุดชนวนปัญหาให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยการส่งเรือทหารและเครื่องบินไปยังทะเลจีนใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยั่วยุและปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในภูมิภาคนี้"
ทูตจีนประจำยูเอ็นกล่าวด้วยว่า "อเมริกาเองที่กลายมาเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุดต่อสันติภาพและความมั่นคงในทะเลจีนใต้"
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐมนตรีต่างประเทสสหรัฐฯ โต้ว่า เป็นความรับผิดชอบของทุกประเทศในการปกป้องหลักเกณฑ์ที่มีการตกลงร่วมกันเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อข้อพิพาททางทะเล ไม่ใช่แค่ประเทศที่กล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เท่านั้น
(ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์)