ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'ทรัมป์-สี' ตกลงสงบศึกทางการค้าชั่วคราว


President Donald Trump with China's President Xi Jinping during their bilateral meeting, Dec. 1, 2018 in Buenos Aires, Argentina.
President Donald Trump with China's President Xi Jinping during their bilateral meeting, Dec. 1, 2018 in Buenos Aires, Argentina.
please wait

No media source currently available

0:00 0:03:34 0:00

ผู้นำประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศ คือประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ตกลงสงบศึกทางการค้าชั่วคราว หลังจากพบหารือกันในการรับประทานอาหารค่ำระหว่างร่วมประชุมกลุ่ม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนติน่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน แอร์ ฟอร์ซ วัน ขณะเดินทางออกจากอาร์เจนติน่ากลับมายังสหรัฐฯ ว่าข้อตกลงระหว่างตนกับประธานาธิบดีสี ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำในวันเสาร์นั้น ถือเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น และจะเกิดผลดีมากมายต่อภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอเมริกา

ทางทำเนียบขาว ระบุว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ ปธน.ทรัมป์ จะใช้อัตราภาษีในระดับ 10% ต่อสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ และจะไม่ขึ้นไปถึง 25% ดังที่เคยประกาศไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมนี้

ขณะเดียวกัน จีนตกลงจะซื้อสินค้าด้านการเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรม และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีน แต่ยังไม่มีการกำหนดมูลค่าที่แน่นอน โดยจะเริ่มต้นทันที

แถลงการณ์ทำเนียบขาว ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี ยังได้ตกลงเริ่มการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกฎเกณฑ์ทางการค้า โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องนโยบายบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี การคุกคามและการโจรกรรมทางไซเบอร์ ตลอดจนธุรกิจภาคบริการและการเกษตร

ทั้งสองกำหนดเวลาในการเจรจาประเด็นต่างๆ เหล่านี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน ซึ่งหากไม่สามารถตกลงได้ ก็จะมีการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าของแต่ละฝ่าย จาก 10% เป็น 25%

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวง อี้ ยืนยันว่าทั้งสองประเทศจะเริ่มการเจรจาการค้าดังกล่าวจริง

เชื่อว่าข่าวนี้จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้นทันทีเมื่อเปิดตลาดในวันจันทร์ เนื่องจากที่ผ่านมาประเด็นความขัดแย้งของสหรัฐฯ และจีน ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับนักลงทุน

นอกจากเรื่องการค้าแล้ว ในการหารือระหว่างรับประทานอาหารค่ำที่กรุงบัวโนสไอเรสครั้งนี้ ประธานาธิบดีสียังได้รับปากว่าจะกำหนดให้สารเฟนทานิล (fentanyl) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยาแก้ปวดโอปิออยด์ที่กำลังระบาดในสหรัฐฯ เป็นสารที่ต้องควบคุมโดยหน่วยงานของจีน นั่นหมายความว่า ชาวจีนที่ขายสารเฟนทานิลให้กับสหรัฐฯ จะต้องถูกลงโทษขั้นสูงสุด

FILE - U.S. President Donald Trump and Chinese President Xi Jinping participate in a welcome ceremony at the Great Hall of the People in Beijing, China, Nov. 9, 2017.
FILE - U.S. President Donald Trump and Chinese President Xi Jinping participate in a welcome ceremony at the Great Hall of the People in Beijing, China, Nov. 9, 2017.

ทำเนียบขาวยกย่องการตัดสินใจของผู้นำจีนในเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรม ขณะที่ ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คือสิ่งเดียวที่จะช่วยสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองให้กับโลกนี้ได้

ก่อนหน้านี้ ผู้สังเกตการณ์การประชุม G-20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสต่างเกรงว่า หากไม่มีความคืบหน้าจากการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.สี สงครามการค้าระหว่างสองประเทศนี้อาจรุนแรงขึ้น เมื่อสหรัฐฯ เริ่มใช้อัตราภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ซึ่งจีนขู่ไว้ว่าจะตอบโต้ด้วยภาษีในอัตราที่เท่าเทียมกัน

คุณโรเบอร์โต้ บูร์ซาส ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย de San Addres กล่าวกับ VOA ว่า ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศนี้ บ่งชี้ว่า ยังขาดองค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยทางการค้า นอกเหนือจากองค์การการค้าโลก (WTO)

สำหรับแถลงการณ์สรุปการประชุมครั้งนี้ บรรดาผู้นำกลุ่ม G-20 ต่างเรียกร้องให้มีการปฏิรูป WTO เพื่อปรับปรุงการทำงานขององค์กรแห่งนี้ โดยจะมีการตรวจสอบความคืบหน้าในการประชุมครั้งต่อไปในปีหน้าที่ประเทศญี่ปุ่น

(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

XS
SM
MD
LG