ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ทรัมป์เยือนชายแดนเม็กซิโก หวังโชว์ความต่างนโยบายคนเข้าเมือง


อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะปราศรัยที่ริมกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก ที่มอนเตซูมา พาสส์ รัฐแอริโซนา วันที่ 22 สิงหาคม 2024 (ที่มา: AFP)
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะปราศรัยที่ริมกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก ที่มอนเตซูมา พาสส์ รัฐแอริโซนา วันที่ 22 สิงหาคม 2024 (ที่มา: AFP)

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐแอริโซนาในวันพฤหัสบดี เพื่อชี้ให้เห็นว่ากำแพงป้องกันคนข้ามแดนจากเม็กซิโกที่สร้างในสมัยตน แตกต่างชัดเจนจากนโยบายชายแดนของคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศจากพรรคเดโมแครต ตามการรายงานของเอพี

ทรัมป์เดินทางไปยังกำแพงเหล็กบริเวณจุดแดนต่อแดนที่เมืองเซียร์รา วิสตา พร้อมกับประธานสหภาพเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนและเหล่าแม่ที่สูญเสียคนที่รักจากผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้อพยพ เพื่อสื่อสารแนวทางควบคุมคนข้ามแดนแบบเข้มข้น ภายใต้สโลแกน “Make America Safe Again” หรือ “ทำให้อเมริกาปลอดภัยอีกครั้ง”

พอล เปเรซ ประธานสหภาพเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดน กล่าวว่า “ด้านขวาของผมคือสิ่งที่เรียกว่ากำแพงทรัมป์” และกล่าวต่อไปว่า “ที่ด้านซ้าย เรามีสิ่งที่เรียกว่ากำแพงคามาลา มันตั้งอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ และไม่ได้ทำอะไร”

รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้ตอบรับคำขอความเห็นในทันที เกี่ยวกับการสร้างกำแพง

การเยือนแอริโซนาของทรัมป์ ถือเป็นครั้งที่สี่ในทริปการเดินทางไปยังรัฐสมรภูมิในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อพยายามดึงความสนใจของผู้คนออกจากงานประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ได้รับตำแหน่งแคนดิเดตประธานาธิบดีของพรรคอย่างเป็นทางการ

ในงานประชุมใหญ่ของเดโมแครตเมื่อคืนวันพุธ มีผู้ปราศรัยหลายคนกล่าวหาว่าทรัมป์ใช้ปัญหาที่ชายแดนมาเป็นปัจจัยกระตุ้นฐานเสียงของตัวเองด้วยการสร้างภาพให้ผู้อพยพดูเป็นปีศาจร้าย

เหล่ามารดาที่เดินทางไปที่ชายแดนพร้อมกับทรัมป์ คือแม่ ๆ ของลูกที่ถูกฆาตกรรมในช่วงรัฐบาลไบเดน ในคดีที่มีผู้ต้องสงสัยเป็นผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ซึ่งทรัมป์ใช้ประเด็นนี้มาโจมตีนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของไบเดนอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่าจำนวนผู้ถูกจับกุมในข้อหาความรุนแรง ยาเสพติด หรือคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นชาวอเมริกันมากกว่าผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายก็ตาม

อเล็กซิส นันกาเร แม่ของโจเซลีน นันกาเร ที่เสียชีวิตจากการถูกรัดคอที่นครฮิวสตัน รัฐเท็กซัสในวัย 12 ปี “ฉันต้องการอย่างมาก มาก มาก ให้ทุกคนพิจารณาว่าการคุมชายแดนนั้นสำคัญแค่ไหน เพราะพวกเราสูญเสียผู้บริสุทธิ์ไปด้วยอาชญากรรมอันชั่วร้าย”

การเยือนชายแดนของทรัมป์มีขึ้นหนึ่งวันหลังการหาเสียงในพื้นที่กลางแจ้งที่แอริโซนา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกหลังเหตุการณ์การถูกลอบสังหารเมื่อเดือนที่แล้ว โดยทรัมป์ได้รับการอารักขาจากพลซุ่มยิงที่สังเกตการณ์จากที่สูง และหันปลายกระบอกปืนไปยังฝั่งเม็กซิโก

ที่ฝั่งเม็กซิโกเองก็มีกองกำลังฝ่ายความมั่นคงมาประจำการในพื้นที่เช่นกัน รวมถึงกำลังพลจำนวนหนึ่งที่มีปืนไรเฟิลและอุปกรณ์ทางยุทธวิธี และอีกจำนวนหนึ่งก็สวมใส่เครื่องแบบของตำรวจ

ทรัมป์กล่าวว่า “สิ่งที่ไบเดนและคามาลากระทำกับครอบครัวที่อยู่ตรงนี้กับผม และอีกหลายพันครอบครัว ไม่ใช่เพียงแค่สังหาร แต่รวมถึงการทำให้เจ็บปวดอย่างสาหัสถึงจุดที่พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง นั่นถือเป็นเรื่องน่าอับอายและชั่วร้าย”

อีกด้านหนึ่ง ผู้แทนในสังกัดพรรคเดโมแครต ใช้เวทีประชุมเมื่อวันพุธเพื่อสื่อสารว่าผู้นำจากพรรคตนคือทางออกสำหรับปัญหาชายแดน

เวโรนิกา เอสโกบาร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัส ที่มีชายแดนติดกับเม็กซิโก กล่าวว่าทรัมป์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องชายแดน และระบุด้วยว่า “เขา (ทรัมป์) และพวกตัวปลอมจากรีพับลิกันมองเรื่องชายแดนและคนเข้าเมืองในฐานะโอกาสทางการเมืองเพื่อฉกฉวยประโยชน์แทนที่จะแก้ไขปัญหา”

ด้านวุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟี จากพรรคเดโมแครต กล่าวหลังเปิดวิดีโอที่แสดงการคัดค้านของฝ่ายรีพับลิกันต่อข้อเสนอแก้ปัญหาชายแดนที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยกล่าวว่า หากไม่ใช่เพราะทรัมป์ ข้อเสนอนี้จะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์

ต่อคำถามเรื่องดีลชายแดนดังกล่าว ทรัมป์บอกว่า ข้อเสนอนั้น “อ่อนแอ” และ “ไร้ประสิทธิภาพ”

  • ที่มา: เอพี

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG