ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 4 ฉบับรวด พุ่งเป้าปรับโครงสร้างตลาดยาในอเมริกา ที่ผู้นำสหรัฐฯ พบว่าชาวอเมริกันต้องจ่ายค่ายาแพงกว่าชาติอื่นๆ ตามรายงานของ CNBC
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ ว่าจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 4 ฉบับ เพื่อช่วยปรับลดราคายาที่ต้องใช้ใบสั่ง (Prescription drug) ในประเทศ ให้ชาวอเมริกันเข้าถึงยารักษาโรคได้ในราคาที่เหมาะสม จากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่ายาสูงกว่าเยอรมนี แคนาดา หรือชาติอื่นๆ ถึง 80%
ในคำสั่งฝ่ายบริหารทั้ง 4 ฉบับนั้น ฉบับแรก เน้นไปที่การปรับโครงสร้างราคาอินซูลิน เพื่อให้สถานพยาบาลยุติการผลักภาระค่ายาไปให้คนไข้
อีกคำสั่งหนึ่ง จะเปิดโอกาสให้สามารถนำเข้ายาจากแคนาดา ซึ่งมีราคาถูกกว่าสหรัฐฯ จากเดิมที่เป็นสิ่งผิดกฏหมายตามข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ซึ่งฝั่งวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ มองว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศจะสร้างการแข่งขันและส่งผลดีต่อผู้บริโภคในอเมริกาให้ได้ใช้ยาในราคาที่ถูกลง
คำสั่งที่สาม จะเน้นไปที่การป้องกันพ่อค้าคนกลางที่ได้รับส่วนต่างจากราคายาที่สูงในประเทศ และผลักภาระให้ชาวอเมริกันต้องออกค่าใช้จ่ายด้านยาเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพที่มีอยู่
และคำสั่งสุดท้าย คือ ให้ผู้ที่อยู่ในกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลสำหรับคนอเมริกัน หรือที่เรียกว่า Medicare สามารถซื้อยาที่ต้องใช้ใบสั่งยาในราคากลาง ที่เรียกว่า international pricing index ได้ แต่ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่าจะยังไม่บังคับใช้คำสั่งนี้ จนกว่าจะถึง 24 สิงหาคม เพื่อให้ธุรกิจยาในสหรัฐฯ เสนอแผนการปรับลดราคายาในประเทศออกมาเสียก่อน ซึ่งผู้บริหารบริษัทยาในอเมริกา จะเดินทางมาหารือที่ทำเนียบขาวในวันอังคารหน้า
ค่าใช้จ่ายสำหรับยาที่ต้องใช้ใบสั่งในอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 335,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2018 ซึ่งมากกว่าประเทศรายได้สูงหลายแห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่หวังช่วยปรับโครงสร้างราคายานี้ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน