การกล่าวปราศรัยแสดงภาวะแห่งรัฐ และแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา หรือ State of the Union Address ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
และมีขึ้นราวหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลงสามวัน จากข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสถานะของ dreamers หรือกลุ่มเยาวชนที่พ่อแม่เดินทางเข้าประเทศหรืออยู่ในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมาย และประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีคำสั่งยกเลิกการคุ้มครองไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์พูดถึงเรื่องผลงานการสร้างงาน เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัว การปรับกฎหมายเพื่อลดภาษีให้กับธุรกิจอเมริกัน รวมทั้งจะเรียกร้องให้รัฐสภาอนุมัติคำของบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม เช่น ถนน สะพาน และสนามบินในสหรัฐฯ ด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงประเด็นเรื่องความมั่นคง เช่น โครงการพัฒนาจรวดขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ทำไว้กับอิหร่าน ในสมัย ปธน.โอบามา
ในช่วงหนึ่งปีที่เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีทรัมป์มักใช้บัญชีทวิตเตอร์ของตนโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชน แต่ทำเนียบขาวชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำปราศรัยแถลงนโยบายซึ่งสร้างความหวังในแง่ดี และเรียกร้องให้พรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครตทำงานร่วมกันด้วย
อย่างไรก็ตาม การกล่าวปราศรัยแสดงเป้าหมายการทำงานประจำปี หรือ State of the Union ครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ในระดับต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับสำหรับผู้นำฝ่ายบริหารคนใดในช่วงเวลาเดียวกัน คือหนึ่งปีหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง
กล่าวคือคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่เพียง 38 เปอร์เซ็นต์ และในอีก 9 เดือนต่อจากนี้ ชาวอเมริกันจะไปออกเสียงเลือกตั้งกลางเทอมสำหรับรัฐสภาที่กรุงวอชิงตัน
ซึ่งหมายถึงว่าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 ที่นั่งในสภาล่าง และอีกหนึ่งในสามสำหรับสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 100 คน