การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน หรือ RNC (Republican National Convention) เข้าสู่ครึ่งหลังของงาน หลังจากที่เริ่มต้นในวันจันทร์และจะเสร็จสิ้นในวันพฤหัสบดี ผู้ติดตามการถ่ายทอดได้เห็นกิจกรรมแบบที่มีผู้เข้าร่วมจริงมากขึ้น ผสมกับรูปแบบการจัดงานผ่านระบบออนไลน์
พรรครีพับลิกันสร้างความน่าสนใจ ด้วยกิจกรรมที่มักไม่เกิดขึ้นผ่านการถ่ายทอดออกโทรทัศน์ และเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ทางการเมือง และที่ได้เห็นในคืนวันอังคาร ที่งาน RNC ก็คือ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จัดพิธีต้อนรับการเป็นประชาชนอเมริกันของผู้มาจากต่างประเทศ 5 ราย ซึ่งประกอบคนจากประเทศโบลิเวีย เลบานอน อินเดีย ซูดาน และกานา
ทรัมป์ได้กล่าวต้อนรับและยกย่องคุณสมบัติของพลเมืองใหม่เหล่านี้ โดยเน้นย้ำว่าเป็นผู้อพยพมาประเทศอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย และเพรียบพร้อมไปด้วยความสามารถ
ด้าน เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ แถลงต่อที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้สังคมอเมริกันสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย โดยกล่าวว่าสามีของเธอเป็นนักสู้ที่จะไม่ยอมแพ้ในช่วงเวลาที่ประเทศต้องฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 และยังเรียกร้องให้คนอเมริกันหันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ไขปัญหาความอยุติธรรมทางสีผิว ซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังอยู่ในความสนใจของสังคม
นางเมลาเนียได้กล่าวสุนทรพจน์จากสนาม Rose Garden ภายในทำเนียบขาว ต่อหน้าผู้นำสหรัฐฯ และแขกอื่น ๆ อีกหลายสิบคน หากเทียบกับเดโมเเครต รูปแบบการจัดลักษณะนี้ ไม่ได้เห็นในงานของเดโมเเครต เนื่องจากความกังวลเรื่องโคโรนาไวรัส
แนวคิดของการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในวันที่สอง คือ Land of Promise หรือดินแดนแห่งความหวัง ซึ่งส่วนหนึ่งในงาน ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้อภัยโทษให้กับ จอน พอนเดอร์ อดีตนักโทษคดีอาชญากรรม
ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบออนไลน์ด้วยเช่นกันจากประเทศอิสราเอล พอมเพโอได้กล่าวชื่นชมการดำเนินโยบายด้านต่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ต่อ จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม พอมเพโอถูกสมาชิกพรรคเดโมแครตวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาทำตัวไม่เหมาะสม ที่กล่าวคำปราศรัยสนับสนุนช่วยประธานาธิบดีทรัมป์หาเสียง ในขณะที่ทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตในกรุงเยรูซาเลม
ส่วนของสมาชิกครอบครัวทรัมป์คนอื่นๆ เอริค ทรัมป์ ลูกชาย และ ทิฟฟานี ทรัมป์ ลูกสาวของผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ในคืนที่สองของการประชุมใหญ่เช่นกัน โดยเอริค กล่าวโจมตีพรรคเดโมแครต และอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้ลงท้าชิงทรัมป์ในการเลือกตั้ง
ในขณะที่ทิฟฟานี นิติศาสตร์มหาบัณฑิตใหม่จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ออกมายกย่องพ่อของเธอ และยังวิจารณ์และกล่าวหาสื่อมวลชนและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ว่าปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มอนุรักษ์นิยมในอเมริกา
และในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม RNC อิวังกา ทรัมป์ มีกำหนดขึ้นกล่าวเเนะนำประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ แถลงรับหน้าที่เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงชิงชัยเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง หากย้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลูกๆของโจ ไบเดน ก็เป็นผู้ทำหน้าที่นี้เช่นกัน ที่งานของพรรคเดโมเเครตในการเสนอชื่อไบเดน ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ความเป็นปึกแผ่นของครอบครัวทรัมป์ที่เเสดงออกมาในการประชุมพรรคครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ สื่อหลายแห่งในสหรัฐฯ รายงานเกี่ยวกับเทปบันทึกเสียงพี่สาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในบทสนทนาระหว่าง แมรีแอนน์ ทรัมป์ แบร์รี อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ วัย 83 ปี พี่สาวของประธานาธิบดีทรัมป์ กับหลานสาว แมรี ทรัมป์ ที่ถูกแมรีบันทึกเสียงไว้โดยไม่ให้ป้าของเธอรู้ตัว แมรีแอนน์ ทรัมป์ กล่าวกับหลานสาวว่า "สิ่งที่ทรัมป์ต้องการคือการดึงดูดฐานเสียงของตัวเองเท่านั้น" และบอกด้วยว่า "เขาไม่มีหลักการ ไม่มีเลย"
ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 10 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง การสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายแห่งพบว่าความนิยมในตัวทรัมป์ ยังตามหลังคู่แข่งอย่างไบเดน จึงมีการจับตาดูว่า ทรัมป์จะสามารถตีตื้นเรียกคะแนนความนิยมกลับได้หรือไม่ หลังการประชุมใหญ่ของพรรคที่จะจบลงในวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้บริษัท Nielsen เปิดเผยว่า ในคืนวันจันทร์ ซึ่งเป็นคืนเเรกของการจัดงาน RNC มียอดผู้ชมรายการนี้ผ่านโทรทัศน์ 17 ล้านคน เทียบกับ 19.7 ล้านคนที่ชมการถ่ายทอดการประชุมของพรรคเดโมเเครตทางโทรทัศน์ในคืนเเรก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้ว่า ตัวเลขโพลล์และยอดผู้ชมของพรรครีพับลิกันอาจจะตามหลังอยู่ แต่ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่าบรรยากาศลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งในที่สุด เมื่อถึงวันเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ มีชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตันจากเดโมเเครต
นั่นอาจเป็นสาเหตุให้ เจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาคณะหาเสียงของทรัมป์ บอกกับสื่อ NBC เมื่อวันอาทิตย์ว่า ฝ่ายตนความมั่นใจว่ามีเส้นทางไปสู่ชัยชนะมากกว่าฝ่ายของอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในวันเลือกตั้งประธานาธิบดี