ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ บรูค โรลลินส์ ซีอีโอสถาบัน America First Policy Institute เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรคนใหม่
หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ โรลลินส์จะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงที่มีเจ้าหน้าที่ 100,000 คนและมีสำนักงานอยู่ในทุกเขตปกครองทั่วประเทศ และบริหารงบประมาณราว 437,000 ล้านดอลลาร์
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ดูแลโครงการด้านการเกษตรและอาหารต่าง ๆ ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหาร พัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร ตลอดจนการวิจัยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารและสินค้าการเกษตร เป็นต้น
กระทรวงการคลัง
เมื่อคืนวันศุกร์ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่
เบสเซนต์ มหาเศรษฐีวัย 62 ปี เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Key Square Capital Management และเคยทำงานให้กับกองทุนการเงิน Soros Fund Management เขาเคยสนับสนุนพรรคเดโมแครตก่อนที่จะเปลี่ยนมาสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขัน
คาดว่าเบสเซนต์จะใช้นโยบายควบคุมงบประมาณทางการเงินอย่างเข้มงวดและจะมุ่งเน้นการลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งขยายนโยบายการลดภาษีรายได้ และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าจากจีน
หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เขาจะเป็นรัฐมนตรีคลังคนแรกที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ โดยทรัมป์กล่าวว่า สก็อตต์คือนักลงทุนระดับแนวหน้าของโลก และยังเป็นนักวางแผนด้านเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองโลกตัวยง
สำนักงบประมาณ กระทรวงแรงงาน และการเคหะ
เมื่อคืนวันศุกร์ ทรัมป์ยังได้เสนอชื่อ รัสเซลล์ เธอร์โลว์ วอจต์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและงบประมาณ (Office of Management and Budget) ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งเดียวกันนี้มาแล้วในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก และยังมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายของฝ่ายอนุรักษ์นิยมสำหรับรัฐบาลทรัมป์สมัยที่สอง หรือที่เรียกกันว่า Project 2025
ในวันเดียวกัน ทรัมป์ยังเสนอชื่อ ลอรี ชาเวซ-เดอเรมเมอร์ สมาชิกรัฐสภารัฐโอเรกอน ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้งเลือก สก็อตต์ เทอร์เนอร์ ให้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะ โดยเทอร์เนอร์เคยอยู่ในคณะทำงานทำเนียบขาวในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกเช่นกัน
ในส่วนของความมั่นคง ทรัมป์ประกาศชื่อ อเล็กซ์ หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้เป็นรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยทรัมป์กล่าวว่า หว่องซึ่งเคยทำงานเป็นรองผู้แทนพิเศษด้านเกาหลีเหนือในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก คือผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้เกิดการประชุมสุดยอดระหว่างตนกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน มาเแล้ว
และเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวว่า ตนจะเสนอชื่อ แพม บอนดี อัยการสูงสุดของรัฐฟลอริดา ให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ แทนอดีต ส.ส.พรรครีพับลิกัน แมตต์ เกตซ์ ที่ประกาศถอนตัวจากการพิจารณาท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดทางเพศและการใช้ยาเสพติด
แพม บอนดี อัยการหญิงวัย 59 ปี เคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความของทรัมป์ที่ช่วยปกป้องเขาระหว่างการถูกพิจารณาถอดถอนขณะดำรงตำแหน่งสมัยแรก และยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้คว่ำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์หลายคนจะต้องเผชิญการไต่สวนอย่างเข้มข้นในวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนที่จะผ่านการรับรองให้ดำรงตำแหน่ง รวมทั้ง พีท เฮกเซ็ธ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการละเมิดทางเพศ และ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ต่อต้านวัคซีน ซึ่งได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนคนใหม่ด้วย
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์