นายโดนัล ทรัมป์ ประธานธิบดีสหรัฐฯประกาศนโยบายด้านยุทธศาสตร์ทางทหาร เกี่ยวกับอัฟกานิสถาน ในคืนวันจันทร์ ตามเวลาสหรัฐฯ ยืนยันการวางกำลังทางทหารเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐในอัฟกานิสถานต่อไป
นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประชุมกับผู้นำเหล่าทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของ ก่อนที่จะใช้ทวีตเตอร์ส่วนตัวระบุในเวลาต่อมาว่า เขาได้ตัดสินใจในนโยบายเกี่ยวกับอัฟกานิสถานแล้ว
รายงานข่าวเป็นไปทางเดียวกันว่า ไม่เพียงจะคงกำลังทหารไว้เท่านั้น แต่ผู้นำสหรัฐฯจะส่งทหารหลายพันนายเข้าไปเพิ่มในอัฟกานิสถานเพื่อเดินหน้าในสงครามกับกลุ่มตาลีบันที่ยืดเยื้อมากกว่า 16 ปี ซึ่งนับเป็นสงครามที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกองทัพสหรัฐฯ
พล.อ. จิม แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ก่อนหน้านี้ โดยปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเฉพาะลงไปในรายละเอียด แต่กล่าวว่า ค่อนข้างสบายใจกับ การดำเนินยุทธศาสตร์ที่เข้มงวด ที่ไม่เพียงจะเกี่ยวข้องกับอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงยุทธศาสตร์ทางทหารในแถบภูมิภาคเอเชียใต้ทั้งหมดด้วย
ทำเนียบขาวระบุว่า การประกาศนโยบายของทรัมป์ จะเป็นไปในแนวทาง ที่จะมุ่งไปข้างในแอฟกานิสถานโดยระบุว่า ได้รับคำแนะนำจากผู้บัญชาการเหล่าทัพในกองทัพสหรัฐฯ ให้ส่งทหารเพิ่มขึ้นในแอฟการิสถานโดยมีเป้าหมายจัดการกลุ่มตาลีบานที่กำลังครอบครองพื้นที่เกือบครึ่งประเทศ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนการเปลี่ยนจุดยืนของผู้นำสหรัฐฯ ที่แตกต่างออกไปจากช่วงการหาเสียงก่อนหน้านี้ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวโจมตี นโยบายของประธานาธิบดี โอบามาและเรียกร้องให้สหรัฐฯถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ 'สูญเปล่าโดยสิ้นเชิง'
ทวีตเตอร์ในอดีตของ นายโดนัลด์ ทรัทป์ หลายครั้งที่ระบุและเรียกร้องเกี่ยวกับการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน เช่นใน ปี ค.ศ. 2013นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวประชด ประธานาธิบดีโอบามา ในเรื่องอัฟกานิสถาน ว่าสหรัฐฯควรถอนทหารให้เร็วที่สุด ทำไมต้องมาผลาญเงินที่สูญเปล่า แทนที่จะเอามาพัฒนาประเทศ
หรือการเรียกร้องให้ สหรัฐฯถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานทันที ไม่ให้สูญเสียชีวิตทหาร และให้มาร่วมกลับมาร่วมสร้างประเทศอีกครั้ง
เช่นเดียวกับใน ปี ค.ศ.2012 ที่ กล่าวว่า ทำไมสหรัฐฯต้องมาคอยฝึกทหารอัฟกัน ที่มักจะแว้งมาลอบกันทหารของเราในภายหลัง อัฟกานิสถานคือ 'การสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง' ถึงเวลากลับบ้านกันแล้ว
ด้าน นายเจมส์ ดอบบินส์ ในฐานะอดีตผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯในอัฟกานิสถานและปากีสถานช่วงระหว่างปี ค.ศ.2013-2014 ให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ภาคภาษาอัฟกัน ว่า ผู้นำสหรัฐฯมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น คือ 'ไม่แพ้ กับ แพ้' เท่านั้นกับสถานการณ์ในนโยบายเกี่ยวกับอัฟการนิสถาน ขณะที่หนทางแห่ง 'ชัยชนะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้'
ด้านนายไมเคิล คูเกิลแมน ผู้ช่วย ผอ.วิลสัน เซ็นเตอร์ องค์กรวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ในสหรัฐฯ กล่าว่า นโยบายของ ปธน.ทรัมป์ เกี่ยวกับอัฟกานิสถานจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่มีอยู่ เพราะความเป็นไปในอัฟกานิสถานนั้นขึ้นอยู่กับปากีสถานที่มีชายแดนติดกันและมีบทบาทสำคัญอย่างเลี่้ยงไม่ได้ เพราะแกนนำกลุ่มตาลีบานจำนวนมากต่างอาศัยปากีสถานเป็นที่หลบซ่อนและพักพิงมาตลอด
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะลงนามคำสั่ง ส่งทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานเพิ่มอีก 4,000 นาย เพื่อไปสมทบกับอีก 8,400 นายที่ประจำการอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะปฏิบัติภารกิจการให้คำแนะนำและฝึกสอนทหารอัฟกันในแนวหน้า เพื่อต่อสู้กับกลุ่มตาลีบานและกลุ่มก่อนการร้ายอัล ไคด้า โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯเคยมีทหารประจำการในอัฟกานิสถานมากถึง 100,000 นายมาแล้วเมื่อปี ค.ศ.2010 ก่อนที่ ปธน.โอบามาจะมีคำสั่งให้ถอนกำลังออกจนเหลือไม่กี่พันนายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา