ฝ่ายบริหารของโรงแรม Trump International Hotel ในแมนฮัตตัน นิวยอร์ก รายงานผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ก่อนหน้านี้โรงแรมดังกล่าวมีกำไรลดลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากค่าเช่าห้องเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเยือนนิวยอร์กของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย และได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้
รายงานของ Washington Post ซึ่งอ้างอิงจากจดหมายของผู้จัดการโรงแรมดังกล่าว ระบุว่า คณะของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน เข้าพักเป็นเวลา 5 วัน เมื่อเดือนมีนาคม แต่ตัวเจ้าชายเองและสมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ คนอื่นๆ มิได้พักที่โรงแรมแห่งนั้นด้วย เนื่องจาก Trump International Hotel ไม่มีห้องพักที่ใหญ่พอจะรองรับเจ้าชายและสมาชิกราชวงศ์คนอื่นๆ จึงสามารถรองรับได้แต่คณะผู้ติดตามเท่านั้น
กรณีการเข้าพักของคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างชาติ ในโรงแรมที่บริษัทของครอบครัวประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเจ้าของ ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งถึงความเหมาะสมและปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งที่ผ่านมา Trump Organization แทบมิได้เปิดเผยรายละเอียดการทำธุรกิจหรือการเข้าพักของลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะที่เป็นผู้แทนของรัฐบาลต่างๆ ตามโรงแรม Trump International ในหลายเมือง รวมทั้งในกรุงวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้พิพากษารัฐแมรีแลนด์ได้ยอมรับการพิจารณาคำร้องฉบับหนึ่งที่กล่าวหาว่า ปธน.ทรัมป์ ละเมิดกฎหมายในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ยอมรับให้มีการทำธุรกิจของรัฐบาลในส่วนที่เป็นทรัพย์สินของตัวประธานาธิบดีเอง
ซึ่งคดีนี้อาจทำให้ Trump Organization ต้องเปิดเผยรายละเอียดการทำธุรกิจกับต่างชาติ รวมทั้งความสัมพันธ์เชิงธุรกิจต่างๆ กับรัฐบาลประเทศอื่น ให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วย
