เมื่อวันอังคาร แพทย์ประจำตัวของประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยผลการตรวจร่างกายประจำปี ซึ่งถึงแม้เครื่องบ่งชี้สุขภาพโดยรวมจะอยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์ประจำตัวแถลงว่าดีมากก็ตาม แต่ CNN ได้รายงานผลการตรวจปริมาณแคลเซียมที่เกาะผนังหลอดเลือดอยู่
โดยตัวเลขจากการตรวจที่เรียกว่า Coronary Calcium CT Scan หรือการตรวจปริมาณคราบที่เกิดจากธาตุแคลเซียมที่เกาะตัวอยู่บนผนังหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในขณะนี้คือ 133
เมื่อปี พ.ศ. 2552 ค่าตัวเลขดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์คือ 34 และตัวเลขเมื่อ 5 ปีที่แล้วอยู่ที่ 98
แพทย์ชี้ว่าค่าตัวเลขที่แสดงถึงแผ่นคราบซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมที่สะสมและก่อตัวบนผนังหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีโอกาสความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
ในกรณีของผู้นำสหรัฐฯ ค่าแคลเซียมดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขโคเลสเตอรอลโดยรวมและค่า LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเรื่องดังกล่าว
ซึ่ง Mayo Clinic ซึ่งเป็นสถาบันการแพทย์มีชื่อของสหรัฐฯ มีคำเตือนว่า หากไม่มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องเหล่านี้แล้วประธานาธิบดีทรัมป์มีโอกาสในระดับปานกลางที่จะเกิดอาการหัวใจวายได้ในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้
ตามรายงานของ CNN โดยนายแพทย์ Sanjay Gupta นั้นประธานาธิบดีทรัมป์มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ ซึ่งพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ช่วงอายุ 71 ปี แต่ก็สามารถควบคุมได้ด้วยการเพิ่มยาเพื่อลดโคเลสเตอรอล รวมทั้งการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การลดอาหารไขมันสูงและเพิ่มการออกกำลังกาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แพทย์ประจำตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากการไม่ดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่มาตลอดชีวิต
และสำหรับคนวัย 71 ปีที่มีค่าแคลเซียมสะสมบนผนังหลอดเลือดที่ 133 หมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ในระดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 46 ซึ่งหมายถึงว่าในกลุ่มผู้ชายผิวขาวอายุเท่ากันมีอีก 54 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมีคะแนนดังกล่าวดีกว่าของประธานาธิบดีทรัมป์