กฎเกณฑ์ใหม่ของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปฏิเสธการให้กรีนการ์ด แก่คนต่างด้าวที่ได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐบาลอเมริกัน กำลังจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้เป็นเรื่องยากที่คนต่างด้าวฐานะยากจนจะได้รับสถานะการพำนักอาศัยและทำงานถาวรอย่างถูกต้องในสหรัฐฯ
กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน กำหนดว่าผู้ที่จะได้รับกรีนการ์ด หรือใบแสดงสถานะการพำนักอาศัยและทำงานอย่างถาวรในสหรัฐฯ ต้องพิสูจน์ได้ว่าจะไม่เป็นภาระของรัฐบาล
แต่กฎเกณฑ์ใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ จะเพิ่มขอบเขตของโครงการสวัสดิการของรัฐที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับสวัสดิการเหล่านั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะได้กรีนการ์ด หรือใบเขียว ซึ่งรวมถึง โครงการอาหาร ที่อยู่อาศัย และประกันสุขภาพสำหรับคนรายได้ต่ำ
ซึ่งหมายความว่า ต่อไปเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพลเมืองสหรัฐฯ และคนต่างด้าว หรือ USCIS จะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ทั้งในเรื่องของสวัสดิการสังคม การศึกษา รายได้ครัวเรือน และสุขภาพ เพื่อตัดสินใจว่าจะให้กรีนการ์ดต่อผู้ที่สมัครคนนั้นหรือไม่ เป็นกรณีไป
กฎเกณฑ์ที่เรียกว่า public charge ฉบับใหม่นี้ ระบุไว้ว่า ผู้ที่ได้รับสวัสดิการจากโครงการของรัฐ 1 โครงการขึ้นไป เป็นเวลานานกว่า 12 เดือนในช่วงเวลา 36 เดือนที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ จะไม่สามารถขอกรีนการ์ดได้ และหากได้รับสวัสดิการจากสองโครงการภายใน 1 เดือน จะถูกนับรวมเป็น 2 เดือนด้วย
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้ว มีคนต่างด้าวในอเมริกาสมัครขอกรีนการ์ดราว 544,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้ราว 382,000 คนที่ต้องถูกพิจารณาภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่นี้
เคน คุชชิเนลี รักษาการผู้อำนวยการ USCIS ประกาศกฎเกณฑ์ใหม่นี้ต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ โดยบอกว่านโยบายใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนการพึ่งตนเองในหมู่ผู้ที่ต้องการพำนักอาศัยและทำงานอย่างถาวรในสหรัฐฯ และเพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่ผู้ได้รับกรีนการ์ดกลายเป็นผู้พึ่งพาสวัสดิการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในอนาคต
รักษาการผู้อำนวยการ USCIS กล่าวว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะไม่กระทบต่อโครงการรับคนเข้าเมืองจากเหตุผลด้านมนุษยธรรมที่ให้แก่ผู้ลี้ภัย และยังยกเว้นต่อเหยื่อของการลักลอบค้ามนุษย์หรือความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อการขอกรีนการ์ดให้แก่สมาชิกในครอบครัวโดยพลเมืองสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ระบุว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในความพยายามที่อุกอาจที่สุดของรัฐบาล ปธน.ทรัมป์ ในการสกัดกั้นคนต่างด้าวในอเมริกา และเป็นการผลักดันไปสู่ระบบการคัดกรองคนเข้าเมืองโดยพิจารณาที่ทักษะความรู้เป็นหลัก มากกว่าการให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน
องค์กร Immigration Coalition ในนครนิวยอร์ก ซึ่งให้คำปรึกษาแก่องค์กรด้านคนเข้าเมืองกว่า 200 แห่ง บอกว่ากฎเกณฑ์ใหม่นี้เกิดจากความหวาดกลัวชาวต่างชาติ และเป็นการพยายามจำแนกกลุ่มทางสังคม ซึ่งไม่สามารถยอมรับได้
ขณะที่ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่คนเข้าเมืองในสหรัฐฯ ระบุว่าจะฟ้องรัฐบาล ปธน.ทรัมป์ ที่ใช้กฎเกณฑ์ใหม่นี้เพื่อสกัดกั้นคนต่างด้าวที่ยากจน และเอื้อประโยชน์ให้คนผิวขาวและคนร่ำรวย
นอกจากนี้ นักวิจารณ์เกรงว่ากฎเกณฑ์ใหม่นี้จะยิ่งสกัดกั้นบรรดาคนต่างด้าวที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง และยังทำให้ผู้ถือกรีนการ์ดและผู้ที่ได้รับสถานะพลเมืองสหรัฐฯ ไม่กล้าไปขอรับสวสัดิการความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพราะเกรงว่าจะส่งผลให้พวกตนไม่ได้อยู่อาศัยในอเมริกาอีกต่อไป