ผู้นำสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ตกลงกันที่จะยุติศึกทางการค้าเป็นการชั่วคราว หลังการเจรจายาวนานเกือบ 3 ชั่วโมงที่ทำเนียบขาว
หลังการประชุม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมแถลงข่าวกับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ฌอง-คล็อด ยุงเคอร์ ว่าจะไม่เพิ่มมาตรการภาษีมาตอบโต้กัน และจะทำงานร่วมกันเพื่อลดสิ่งกีดขวางทางการค้าให้หมดไป
นอกจากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะขยายการค้าระหว่างกัน ทั้งในผลิตภัณฑ์เคมี การแพทย์ เวชภัณฑ์ และถั่วเหลือง ไปจนถึงการขยายตลาดภาคบริการ
ฌอง-คล็อด ยุงเคอร์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาเจรจาครั้งนี้ด้วยความต้องการให้เกิดความตกลง และก็สามารถตกลงกันได้กับประธานาธิบดีทรัมป์
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ต่อสินค้าจากยุโรป และยังได้พิจารณาที่จะเก็บเพิ่มต่อสินค้ายานยนต์จากตลาดดังกล่าว ซึ่งหากเกิดขึ้นก็จะสร้างผลกระทบที่สำคัญต่อเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป หรือ อียู ใช้มาตรการตอบสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้าอเมริกันหลายประเภทเช่น รถมอเตอร์ไซค์ และเหล้าวิสกี้
และในสัปดาห์นี้ ก่อนการประชุมของนายยุงเคอร์กับโดนัลด์ ทรัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี นายไฮโค มาส (Heiko Maas) เตือนว่า ยุโรปจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับคำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นอกจากนั้น อียูยังได้เตรียมเก็บภาษีเพิ่มต่อสินค้าสหรัฐฯมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หากยังหาทางยุติความขัดแย้งไม่ได้ การตกลงกันระหว่างนายยุงเคอร์และทรัมป์ในวันนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายโล่งอก
รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีชื่นชมการตกลงกันได้ที่จะไม่ยกระดับความขัดแย้งระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และอียู
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาพของการยุติศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนซื้อหุ้นวันนี้ โดย ดัชนี Dow Jones ปิดบวก 0.68 เปอร์เซ็นต์ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.91 เปอร์เซ็นต์ และ Nasdaq กระเตื้องขึ้นเกือบ 1.2 เปอร์เซ็นต์
หลังจากการเจรจากับนายยุงเคอร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ พบกับสมาชิกรัฐสภาจากรัฐที่มีอุตสาหกรรมหลักอยู่ในภาคเกษตร
ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ ส่งสินค้าเกษตรไปยังยุโรปมูลค่า กว่า 1 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอียูเป็นตลาดใหญ่อันดับ 5 ของภาคการเกษตรอเมริกัน
(รายงานโดย Steve Herman / รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง)