ลิ้งค์เชื่อมต่อ

‘ทรัมป์’ ยกระดับต่อต้านความหลากหลายในภาครัฐ จี้เอกชนเอาด้วย


ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวที่ Roosevelt Room ที่ทำเนียบขาว 21 ม.ค. 2025 กรุงวอชิงตัน (AP Photo/Julia Demaree Nikhinson)
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวที่ Roosevelt Room ที่ทำเนียบขาว 21 ม.ค. 2025 กรุงวอชิงตัน (AP Photo/Julia Demaree Nikhinson)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งพักงานแผนกส่งเสริมความหลากหลาย หรือ DEI ของรัฐบาล และให้สำนักงานควบคุมการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FAA ทบทวนการจ้างงานภายใต้โครงการนี้ พร้อมทั้งกดดันภาคเอกชนให้ร่วมความริเริ่มดังกล่าว

มาตรการนี้มีขึ้น 1 วัน หลังจากทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อค่ำวันอังคาร ยุติโครงการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียมกัน และความคำนึงถึงคนทุกภาคส่วน หรือ DEI ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมโอกาสให้ผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มที่ขาดโอกาสทางสังคมอื่น ๆ

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิต่างแย้งว่าโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นในการเน้นย้ำถึงความไม่เท่าเทียมและการเหยียดเชื้อชาติสีผิวเชิงโครงสร้าง

ภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารที่ทรัมป์ลงนามเมื่อวันอังคาร เป็นการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารเดิมย้อนกลับไปในปี 1965 ที่สนับสนุนให้พนักงานรัฐบาลกลางมีกำลังแรงงานที่สมดุลในแง่ของเชื้อชาติ เพศสภาพ และศาสนา ซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน เพื่อปกป้องสิทธิของแรงงานของบริษัทที่ทำสัญญาจ้างกับรัฐบาลและเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานจะไม่ถูกเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศสภาพ อ้างอิงจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

นอกจากนี้ คำสั่งของทรัมป์ ยังพยายามห้ามบริษัทเอกชนที่มีสัญญาจ้างกับรัฐบาล ในการจ้างงานที่มีภูมิหลังด้อยโอกาส ที่ในคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์เรียกว่า “การเลือกปฏิบัติหรือเอนเอียงไปยังกลุ่มที่มีความหลากหลายอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย” และขอให้หน่วยงานรัฐบาลระบุชื่อบริษัทเอกชนที่เข้าข่ายในเรื่องนี้เพื่อเปิดการสอบสวนต่อไป แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าการเปิดการสอบสวนที่ว่านี้จะเป็นไปอย่างไร

บาซิล สมิเคิล จูเนียร์ ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การเมืองและนโยบาย ให้ทัศนะกับรอยเตอร์ว่าการเข้ามาจัดการโครงการ DEI ของคณะทำงานทรัมป์เป็นการ “ลดความสำคัญของคุณสมบัติ ความสามารถ การทำงานอย่างหนัก และความมุ่งมั่น” เพราะมองว่าผู้หญิงและคนผิวสีขาดคุณสมบัติหรือความสามารถในตำแหน่งงานเหล่านี้ และว่า “มีความพยายามอย่างชัดเจนที่จะขัดขวางหรือบั่นทอนอำนาจของคนผิวสีและผู้หญิงในทางการเมืองและเศรษฐกิจ” และเสริมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเปิดทางให้กับพวกพ้องมากขึ้นนั่นเอง”

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวไม่ได้ตอบคำขอของรอยเตอร์เกี่ยวกับคำวิจารณ์ของกลุ่มนักสิทธิในช่วงที่รายงานข่าวนี้

นอกจากนี้ คณะทำงานทรัมป์ ได้สั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางยุบโครงการ DEI และให้พนักงานในโครงการดังกล่าวพักงานโดยได้รับค่าจ้าง และต้องแจ้งพนักงานในภาคส่วนดังกล่าวรับทราบภายในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่าจะปิดโครงการนี้ด้วย

ทรัมป์ ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจในวันอังคาร ยุติความริเริ่มของคณะทำงานไบเดน ในการส่งเสริมความหลากหลายในสำนักงานควบคุมการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FAA และสั่งการให้ยุบโครงการนี้ด้วยเช่นกัน ตามการเปิดเผยของทำเนียบขาว อีกทั้งยังสั่งให้ FAA ทบทวนมาตรการด้านความปลอดภัยหากต้องหาพนักงานอื่นมาแทนที่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวด้วย

ทำเนียบขาว ระบุว่า “ปธน.ทรัมป์ยุติโครงการที่ผิดกฎหมายและอันตรายนี้ และให้ FAA จ้างงานบนพื้นฐานของการทำให้แน่ใจว่าความปลอดภัยของผู้โดยสารบนเครื่องบินและความเป็นเลิศในการทำงานโดยรวม”

ลั่นขึ้นกำแพงภาษีอียู-จีน

อีกด้านหนึ่งในวันอังคาร ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจะอัดมาตรการภาษีนำเข้ากับสินค้าจากสหภาพยุโรป และอยู่ระหว่างการพิจารณาภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากเฟนทานิลถูกส่งมาจากจีนถึงสหรัฐฯ ผ่านเม็กซิโกและแคนาดา หลังจากที่ผ่านพ้นการดำรงตำแหน่งวันแรกโดยไม่มีการออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าโดยทันที ตามที่ให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีก่อน

ท่าทีล่าสุดเมื่อวันอังคารของทรัมป์ เป็นการตอกย้ำความต้องการขึ้นภาษีในวงกว้างขึ้น รวมทั้งกำหนดเส้นตายใหม่ 1 กุมภาพันธ์ในการขึ้นภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก เช่นเดียวกับการขึ้นภาษีกับจีนและอียู

เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ ระบุว่าจีน เม็กซิโก แคนาดา จะต้องจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้หากต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ และลงนามคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทบทวนข้อตกลงการค้าหลายฉบับ รวมทั้งข้อตกลงการค้าแถบอเมริกาเหนือ และการค้ากับจีน ภายใน 1 เมษายนนี้

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ยินดีที่จะคงช่องทางการสื่อสารกับสหรัฐฯ เพื่อ “จัดการความแตกต่างและขยายความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน” พร้อมทั้งหาทางส่งเสริมความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน โดยเหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เผยในวันพุธว่าจีน “เชื่อเสมอว่าไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามกำแพงภาษี จีนจะยังคงปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างหนักแน่น”

ขณะที่เม็กซิโกและแคนาดามีท่าทีประนีประนอมในการตอบโต้กำหนดเส้นตาย 1 กุมภาพันธ์ของทรัมป์ โดยผู้นำเม็กซิโกคลอเดีย ไชน์บาม ระบุว่าจะปกป้องอธิปไตยของประเทศและตอบโต้ท่าทีของสหรัฐฯ “แบบค่อยเป็นค่อยไป” พร้อมระบุว่า ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา จะไม่นำมาเจรจากันใหม่จนกว่าจะถึงปี 2025 ดับฝันทรัมป์ที่พยายามรื้อฟื้นการหารือดีลการค้าไตรภาคีนี้

  • ที่มา: รอยเตอร์

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG