ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดีว่า เหตุการณ์ที่อิหร่านยิงเครื่องบินโดรนของสหรัฐฯ ตกบริเวณช่องแคบฮอร์มุซนั้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมากของอิหร่าน และจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
ปธน.ทรัมป์ ใช้สำนวนเปรียบเหตุการณ์นี้ว่า "This is a new fly in the ointment," ซึ่งหมายถึง "สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้งานใหญ่เสียได้"
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวก่อนการประชุมกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ที่ทำเนียบขาว ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าโดรนที่ถูกยิงตกนั้นอยู่ในน่านฟ้าสากลและถือว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรงของรัฐบาลอิหร่าน
แต่ต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์พยายามบรรเทาความตึงเครียดของเหตุการณ์นี้ โดยกล่าวว่าอาจเป็นคำสั่งของใครสักคนที่โง่เขลาและหละหลวม และว่าเรื่องนี้จะแตกต่างออกไปอย่างมาก หากอิหร่านยิงเครื่องบินที่มีนักบินนั่งไปด้วย
ก่อนหน้านี้ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน กล่าวอ้างว่าได้ยิงเครื่องบินโดรน RQ-4 Global Hawk ตกในเขตน่านฟ้าของอิหร่าน เพื่อปกป้องพรมแดนจากศัตรู
แต่ทางกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำกองบัญชาการภาคพื้นตะวันออกกลาง มีคำแถลงว่าข้ออ้างของอิหร่านนั้นไม่ถูกต้อง เพราะโดรนลำนั้นยังอยู่เหนือน่านฟ้าสากลห่างจากชายฝั่งของอิหร่าน 34 กิโลเมตรขณะถูกโจมตี และว่าอิหร่านโจมตีต่อเครื่องมือลาดตระเวณของสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าของอิหร่านแต่อย่างใด
แถลงการณ์ของกองทัพสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า การโจมตีครั้วนี้คือความพยายามขัดขวางการลาดตระเวณของสหรัฐฯ หลังจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งน้ำมันหลายลำในบริเวณนั้น
โดรน RQ-4 มีราคาลำละกว่า $222 ล้านดอลลาร์ และสามารถบินลาดตระเวณได้วันละ 100,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งพอๆ กับอาณาเขตของประเทศเกาหลีใต้และไอซ์แลนด์
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า เวลานี้ได้ส่งเรือไปยังช่องแคบฮอร์มุซเพื่อพยายามกู้ซากโดรนลำนั้นขึ้นมาแล้ว
ความกังวลเรื่องการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสหรัฐฯ กล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้วางระเบิดเรือขนส่งน้ำมันสองลำบริเวณอ่าวโอมาน ซึ่งทางอิหร่านปฏิเสธ
ด้านประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เตือนให้สหรัฐฯ ใช้ความระมัดระวังในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ โดยบอกว่าหากสหรัฐฯ ตัดสินใจใช้กำลังทหาร จะเกิดหายนะครั้งใหญ่ในตะวันออกกลาง