ลิ้งค์เชื่อมต่อ

5 เคล็ดลับการดำเนินธุรกิจ 'Brick and Mortar' จากบทเรียน Toys ‘R’ Us


การยื่นฟ้องล้มละลายของ Toys ‘R’ Us อาณาจักรของเล่นยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้สร้างความกังวลถึงการล่มสลายของธุรกิจค้าปลีก ทว่านี่ไม่ใช่ธุรกิจ Brick and Mortar หรือธุรกิจที่มีหน้าร้านแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ต้องยื่นล้มละลาย

เพราะในปีนี้ มีอย่างน้อย 10 ธุรกิจรูปแบบเดียวกันที่ยื่นขอล้มละลายในสหรัฐฯ ที่คุ้นหูกันก็มี Radio Shack, Payless Shoes, Limited และ American Apparel

สิ่งหนึ่งที่นำไปสู่ปรากฏการณ์ปิดตัวของร้านเครือต่างๆ คือ พฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยผลสำรวจของ Pew ระบุว่า 79% ของชาวอเมริกันหันไปช้อปปิ้งออนไลน์ แต่มีแค่ 51% ของคนกลุ่มนี้ที่ซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนจริงๆ และมีเพียง 15% ที่กล้ากดซื้อผ่านลิงค์ของร้านค้าออนไลน์

แต่ในทางกลับกัน ราคาที่ต้องจ่ายไปกับความสะดวกสบายของการช้อปปิ้งออนไลน์นั้น ยังคงสูงในสายตาของขาช้อปอเมริกัน เพราะในการสำรวจเดียวกัน นักช้อปออนไลน์ที่ทำการสำรวจ 65% กล้าพูดเลยว่า ถ้าสามารถออกไปซื้อของในร้านได้ ก็จะเลือกทำแบบนั้นมากกว่าบนโลกออนไลน์

เพราะหัวใจที่ทำให้การช้อปปิ้งในร้านยังเกิดขึ้น คือ การเปรียบเทียบราคาสินค้า และทดลองสินค้า และปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานขายกับลูกค้า

เช่นเดียวกับข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า คนรุ่นมิลเลเนียลและ Generation Z ที่จะกลายมาเป็นกำลังซื้อสำคัญแทนกลุ่ม Baby Boomers ยังชื่นชอบการซื้อของที่ร้านถึง 77% ทีเดียว

ทางสหพันธ์ค้าปลีกแห่งสหรัฐฯ หรือ NRF เปิดเผย 10 อันดับร้านที่ต้องปิดสาขาลงในอเมริกาในปีนี้ ได้แก่ Radio Shack และ Payless ปิดกิจการรวมทั้งสิ้นเกือบ 2 พันสาขา ขณะที่ร้านที่เปิดสาขาเพิ่มในสหรัฐฯ 3 อันดับแรก ตกเป็นของ Dollar General, Dollar Tree และ 7-11 ที่เตรียมเปิดสาขาใหม่มากกว่า 2 พัน 3 ร้อยสาขา

นี่เป็นเครื่องสะท้อนว่าธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะ Brick and Mortar ยังไม่หายไปจากธุรกิจสหรัฐฯ เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค

โดย Forbes และ Shopify.com แนะนำ 5 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในยุคนี้

  1. สร้างประสบการณ์การช้อปในร้านที่เหนือกว่า: ร้านค้าจะต้องมอบสิ่งที่มากกว่าสินค้าที่พวกเขาจ่ายเงินซื้อ เช่น ลูกค้าซื้อเครื่องสำอางค์ ก็จะได้ของแถมอื่นๆ หรือบริการแต่งหน้านวดหน้า
  2. เสนอรูปแบบการช้อปที่ออกแบบเฉพาะตัวให้ลูกค้า: สะท้อนว่าลูกค้าคือคนสำคัญและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ร้านเครื่องแต่งกายชาย Bonobos ที่ทำร้าน Guide Shop เพื่อออกแบบสไตล์การแต่งตัวของลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือจะซื้อแล้วส่งไปที่บ้านก็ได้
  3. เทคโนโลยีเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ร้านค้า”: ส่งคูปองออนไลน์ รายการสินค้า โปรโมชั่นประจำเดือนไปให้ลูกค้าที่สนใจ ผ่านสมาร์ทโฟนหรืออีเมลล์ รวมทั้งวางระบบร้านที่พึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อความคล่องตัวได้
  4. “พนักงานขาย” คือหัวใจของร้าน
  5. สร้างการเข้าถึงร้านค้าในทุกรูปแบบ: เปิดรับช่องทางการเข้าถึงร้านค้าไม่ใช่แค่หน้าร้าน อัพเดทเว็บไซต์ อีเมลล์ โซเชียลมีเดีย วางระบบ SMS เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดเวลา
XS
SM
MD
LG